HomeรีวิวเกาหลีYeosu Expo 2012 : Korea # ตอนที่ 1

Yeosu Expo 2012 : Korea # ตอนที่ 1

เอาล่ะครับ ห่างจากชีวิตที่วันๆอยู่ในห้องเรียนภาษา มาเจอกับประสบการณ์ท่องเที่ยวในเกาหลีกันบ้าง
งานนี้เป็นที่กล่าวถึงในสื่อไทย และสื่อต่างประเทศพอสมควร เจอเพื่อนยุก็หลายหนแล้ว ว่าให้ไปดูให้ได้
สำหรับงานนี้ ยอซู เอ๊กซ์โป 2012 (YEOSU EXPO 2012) ที่จัดไกลถึงเมือง ยอซู ซึ่งเป็นเมือง
ที่ติดกับทะเล ก็เพื่อให้สอดคล้องกับธีมของงานนี้ “The Living Ocean and Coast” แม้ว่าการเดินทาง
นั้นจะไกลแสนไกลแต่สำหรับเกาหลี ไม่มีอะไรยากที่ยากเย็นเลยครับ เพราะการคมนาคมในเกาหลีนั้น
สะดวกสบาย…ไม่รอช้าครับศึกษาเส้นทาง จองตั๋วรถไฟ แล้วก็เตรียมตัวออกและเดินทาง…

ในแผนที่สังเกตกรุงโซลนะครับ ซึ่งเป็นเมืองหลวง จะอยู่บนๆ เลย ส่วนเมืองที่ผมอยู่นั้น
Cheonan จะอยู่กลางๆ เป็นรูปดาว ส่วนที่มีธงนั้น เป็นเมืองยอซู ผู้คนน่ารัก กันเอง ติดทะเลครับ 🙂

สิ่งที่รู้ก่อนไปงาน

และด้วยความที่การเดินทางในครั้งนี้จะมอบประสบการณ์พิเศษให้ผมหลายๆอย่าง ผมจึงอยากไป
งานนี้มากๆ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟ KTX ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงของเกาหลีครั้งแรก  และเดิน
ทางระยะไกลขนาดนี้ และเราตัดสินใจที่จะไปพักใน จิมจิลบัง (찜질방) ซึ่งมันคือห้องอาบน้ำและ
สถานที่พักผ่อนสุดประหยัด ที่คนเกาหลีชอบมาพักเพื่อผ่อนคลายและเพื่อสุขภาพนั่นเอง
การเดินทางครั้งนี้ ผมอาจจะไม่ได้เหมือนไกด์ที่ผ่านประสบการณ์มามาก แต่ด้วยความที่ไม่มี
ประสบการณ์นี่แหละ จะทำให้คุณผู้อ่านทุกคน ได้รับประสบการณ์อะไรไม่ต่างจากผมเช่นกัน 😀

พร้อมแล้ว…ออกเดินทาง!!

สำหรับการเดินทาง ผมได้ให้เพื่อนจองตัวให้ เป็นตั๋วไป-กลับและเลือกเดินทางแบบเปลี่ยน
สถานี ไม่ได้นั่งรถไฟตรงไปถึงหน้างานทีเดียวเลย เนื่องจากว่าคนที่ต้องการไปงานนี้มีมากครับ
ทำให้รถไฟที่ตรงจากสถานีใกล้มหาลัยไปยังงานโดยตรง นั้นเต็มเร็วมาก จึงต้องอาศัยการเปลี่ยน
รถไฟ ซึ่งค่าเดินทางนั้นหมดไปทั้งสิ้น 55,300 วอน หรือประมาณ 1,500 บาทครับ โดยผู้ร่วม
เดินทาง เป็นรูมเมทชาวโคลอมเบีย และรุ่นพี่ ซึ่งสองคนนี้เป็นคนจัดการเรื่องตั๋วให้…
และสองคนนี้ก็เป็นคนทำให้เราเกือบตกรถไฟเช่นกัน

นอกเรื่องนิดนึง : เรื่องการตรงต่อเวลาของคนในประเทศแถบละตินอเมริกา ในที่นี้ ผมหมาย
ถึงเพื่อน และจากการสังเกตหลายๆคน ไม่ค่อยจะตรงต่อเวลากันสักเท่าไร ไม่ค่อยรู้จัก
เผื่อเวลา (นี่มันนิสัยผมตอนอยู่เมืองไทยชัดๆ) และที่นี่ ต้องเข้าใจครับว่ารถไฟก็รถไฟ
ตอนนั้น ถ้าผมไม่บอกให้วิ่ง ก็คงตกรถไฟจริงๆ)

สถานี Seodaejeon

พวกเราเปลี่ยนสถานีที่สถานี ซอเดจอน (서대전) และมุ่งหน้าไปต่อที่สถานียอซู เอ๊กซ์โป
ทั้งหมดนั้นใช้เวลาไปทั้งสิ้น 3 ชม.ครึ่ง โดยประมาณ ด้วยรถไฟความเร็วสูง KTX ทั้ง 2
ขบวน เรื่องสนุกๆมันมีอยู่ตอนขบวนที่ 2 นี่ล่ะครับ เนื่องจากว่า ตั๋วนั้นหมดไปเร็วมาก ทำให้
มีตำแหน่งที่เรียกว่า “Unreserved Seat” หรือภาษาเกาหลีเค้าเรียกว่า อิบซอก “입석”
ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ทราบหรอกครับ ว่ามันคืออะไร มาดูที่ตั๋ว อ้าว เลขที่นั่งมันหายไปไหน
ทำไมไม่บอก ….

หน้าตาของตั๋วรถไฟในเกาหลี

เลยมารู้ว่า จริงๆแล้วมันให้เรายืน ไม่มีที่นั่ง… เฮ้ยย แล้วอย่างงี้ เวลาที่เหลือ ก็ต้องยืนที่ขบวน
เลยหรือเปล่า… เราจึงไปเดินหาที่นั่งที่ว่างๆ นั่งดู เดินไปตรงไหนไม่เดิน เดินไปตรงที่นั่ง
Premium เรียกว่าสบายเลยล่ะ เบาะนั่งสบาย มีที่เสียบชาร์จไฟแถมยังมีอินเทอร์เน็ต
ความเร็วระดับ 4G ให้ใช้ เรียกว่าสะดวกสบายเลยทีเดียว

แต่ทันใดนั้น…..ก็มีคนที่มาจากสถานีอื่นๆ พยายามมองหาที่นั่งของตัวเอง ผ่านมายังที่นั่ง
ของเรา แล้วก็เดินผ่านไป…. ตอนนั้นรู้สึกโล่งมาก ก็ขออย่าให้มีใครมานั่งตรงนี้ ขอให้ที่
ตรงนี้ไม่มีคนนั่ง ก็นั่งภาวนาไป… สักครู่นึง ไอ่คนที่เดินผ่านไปนั่นแหละ เดินกลับมา
แล้วก็บอกว่าตรงนี้เป็นที่นั่งเค้า ก็ลุกไปตามระเบียบ ก่อนที่จะไปหาที่นั่งใหม่ สักครู่นึง
ก็มีพนักงานตรวจตั๋ว เดินออกมาตรวจที่นั่งของเรา ตอนนั้นคิดในใจว่า “ซวยแล้วววว…
สงสัยต้องได้ไปยืนแหงๆ”
พร้อมกับยื่นตั๋วไป พนักงานตรวจตั๋วของเราทั้ง 3 คน
ก่อนที่จะส่งกลับมา แล้วเดินออกไปตอนนั้นทำพวกเรางงเหมือนกัน ตอนนั้นมันก็โล่งใจไป
ว่าเค้าไม่ตำหนิอะไร แต่ว่าเรื่องนี้จริงๆแล้วมันจะต้องเป็นยังไง เรื่องจะลงเอยเช่นไร
ผมจึงต้องปรึกษาคนเกาหลีจริงๆ จึงได้ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เป็นผลพลอยได้
จากการนั่งตรงนั้นแหละ แชทหาคนเกาหลีและอาจารย์ ก่อนที่ทั้งสองคน จะตอบกลับมา
ด้วยคำตอบตรงกันว่า “ที่นั่งแบบอิบซอกนั้น ถ้าไม่มีคนนั่งก็นั่งได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเค้ามาก็
ลุกให้เค้า ถ้าไม่มีที่นั่ง จะมีที่นั่งอยู่เล็กๆติดกับประตูทางออก” ตอนนั้น เรารู้สึกโล่ง
กันไปเลยทีเดียวครับ

เอาล่ะครับ ตอนนี้ก็ถึงสถานียอซู เอ็กซ์โปกันแล้ว ทุกคนต่างเดินหน้าเข้าสู่งานกันเต็มตัววันเสาร์
วันหยุดแบบนี้แน่นอนครับว่า คนเยอะมากกกกกก…. คนเกาหลีวันหยุดเค้าพักผ่อนเต็มตัวกันอยู่แล้ว
ด้วย สำหรับค่าตั๋วเราหมดไปคนละ 10,000 วอน หรือประมาณ 280 บาทครับ

สถานที่ที่พวกเราอยากไป เราก็ได้คุยกันไว้ครับ ว่าอยากไป Aquarium (อควาเรียม) ซึ่งหลายๆคน
แนะนำมา ยังไงก็ตามขอให้ได้ไปดูที่นั่นก่อน จากนั้นเราก็ว่าจะไปดู International Pavilion
ซึ่งเป็นการออกบูธของนานาประเทศให้ได้ครับ เราเดินผ่านผู้คนมากมาย บ้างก็เอาเสื่อมาปู
พักเหนื่อย ร้านค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนและผมเองก็เจออาคารขนาดใหญ่ “Hanwha Aqau
Planet YEOSU”
นี้ครับ

พวกเรารีบเดินเข้าไปในอาคาร หากแต่ว่ารอบอาคารนั้น เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวรอ
กันซ้อนกันอยู่หลายตลบรอบอาคาร ไม่เป็นไรครับ เข้าใจว่าคนเยอะ… เราจึงเดินไป
หาปลายแถวเพื่อต่อต่อไป หากแต่ว่า เมื่อผมยิ่งเดิน …มันก็ยิ่งไกลออกไป โอ้ว….
ไม่นะ และท้ายที่สุด ผมก็ไปเจอปลายแถว ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอควาเรียม และข้าม
สะพานมาด้วยหนึ่งตลบ ท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด พวกเราก็ต้องต่อแถว รอกันให้ได้

แถวจากฝั่งตรงข้ามอีกที

ตอนนั้นจำได้ว่าไปต่อตอนประมาณ 11.10 น. ผมเองได้ยินจากพนักงานเค้าบอกว่า
มันน่าจะต่อแถว ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. บอกได้คำเดียวเลยว่า ท้อเลยฮะ (อย่าลืม
นะว่าอากาศร้อนอยู่ๆๆ) แต่พอเห็นคนสูงอายุ เค้าก็ยืนต่อแถว เพื่อจะไปดูให้ได้ มันทำ
ให้ผมมีกำลังใจขึ้นมานิดนึงครับ (สรุปคือแพ้คนแก่ไม่ได้ – -”)

ระหว่างรอก็ถ่ายรูปกับ Big-O ลานน้ำพุขนาดใหญ่ ที่เป็น highlight ของงาน ที่ชมได้ตอนกลางคืน ซึ่งผมก็พลาดไป … เพราะงาน Asia Song Festival ที่มีอยู่อีกฝั่งนึงของงาน

เราเริ่มมีความหวังเมื่อแถวขยับเดินหน้าไปเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไป นานพอที่ขนาดผมจะมีคนเกาหลี
มาคุยด้วย ผมเองก็ใช้ความรู้เกาหลีเท่าที่มีพยายามจะคุยกับเค้า แต่เค้าก็ไม่ได้ให้โอกาสผมเลย
ด้วยการตอบมาเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงบริทติช กันเลยทีเดียว ชื่อผมก็ไม่ได้ถามครับ เราแค่
อุทานร่วมคิวมาด้วยกัน เค้าบอกว่าเค้ามีเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกัน แล้วเค้าเคยไปเที่ยวที่เชียงใหม่
นอกจากนั้นเค้าก็ไม่รู้อะไร สิ่งที่เค้าพยายามจะพูด เค้าบอกว่า คนไทยชอบกิน ลิ้นวัว ใช่มั้ย
(5555 อย่าเหมาคนไทยทั้งหมดเลยครับ เหมาแค่ผมคนเดียวก็พอ) หรือไม่ว่าจะเป็นการที่เค้า
รู้จักหนังเรื่อง องค์บากหรือหนังที่ผมไม่รู้จักอย่าง King and I ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันและ
ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

ผมถ่ายรูปก็ขออีเมลเค้าไว้ด้วยครับ กะว่าจะส่งภาพไปให้เค้านี่แหละ แล้วก็ได้ส่งไป เค้าส่งเมลมาขอบคุณแล้วก็หากมีปัญหาอะไร หรือมีข้อสงสัยอะไรเกี่ยวกับเกาหลี เค้าบอกว่าติดต่อไปได้เลยครับ

จากนั้นเราก็เข้าสู่ Aquarium จริงๆจังๆเสียที หลังจากที่อรัมภบทกันอยู่นาน ภายในก็มี
การจัดแสดงสัตว์ไว้เยอะแยะเลยครับ

ถัดมาอีกห้องนึง ก็จะเป็นส่วนของ Aqua Forest ที่จำลองเหมือนอยู่ในป่าเลยครับ สวยงาม

ตัวนี้สวยมากๆครับ ยังกะเรืองแสงเชียว~ ยังไงรอดูเจ้าตัวนี้ในวิดิโออีกทีนะครับ…

แมงกะพรุน ~

เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็มาเจออีกห้องนึงครับ ที่เหมือนกับสรุปรวบยอดของทั้ง Aquarium
นี่เลย ภาพที่เห็นตอนนั้นเป็นกระจกขนาดมหึมา และฝูงปลาที่เห็นเป็นร้อยผ่านไป เหมือนกับ
ได้ไปดูใต้ท้องทะเลจริงๆ ทำเอาลืมความเหนื่อยที่มีทั้งหมดเป็นปลิดทิ้งไปเลย~

ปูแมงมุมยักษ์จากญี่ปุ่น ที่เป็นสิ่งมีชีวิตในตระกูล Arthropod ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด

และนี้ก็เป็นของที่ระลึกจาก Aquarium ครับผม…

ยังไม่หมดกันแต่เพียงเท่านี้ครับ เพราะว่านี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอาคารใหญ่ๆ Aquarium แห่งนี้เท่านั้น
ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการนานาชาติ ที่เกี่ยวกับการรักษาท้องทะเล ไว้อย่างสวยงาม เราจะพา
ทุกท่านไปชมกัน รวมไปถึงที่กล่าวถึงกันที่สุด นั่นก็คือ นิทรรศการของประเทศไทย Thailand
Pavilionที่ถือว่าเป็นบูธที่ได้รับความนิยมจากคนเกาหลีมากที่สุด 1 ใน 3 ของนิทรรศการ
จะสวยสดงดงาม ให้เราภูมิใจแค่ไหนอย่าลืมติดตาม พร้อมกับ บรรยากาศงาน Asia Song
Festival 2012 ที่ขนนักร้อง ศิลปินK-POP อย่าง A1B4, SISTAR, Ailee รวมไปถึงศิลปิน
ไทยอย่าง Candy Mafia ที่มีโอกาสได้มาแสดงถึงที่งานนี้ด้วยครับ

อย่าลืมติดตามและเป็นกำลังใจให้กับตอนต่อๆไปของ Korean’s Journey by Framekung
นะครับและนี้คือวิดิโอสรุปบล็อกทั้งตอนของตอนนี้ …. และบรรยากาศของนิทรรศการ
ประเทศไทยในงานครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามเรื่องอื่นๆ