สวัสดีครับ
รอบนี้กลับมาด้วยเรื่องราวชีวิตในเกาหลีอีกครั้ง เป็นเรื่องที่จะไม่พูดก็ไม่ได้ เพราะเป็นประสบการณ์ที่ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำ คือ “การฝึกงานที่บริษัทใหญ่ๆในเกาหลี !” อย่าว่าแต่บริษัทใหญ่เลยครับ บริษัทเล็กๆก็ยังไม่เคยคิด บล็อกในตอนนี้ก็เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การฝึกงานที่บริษัทเกาหลี ข้อคิด และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากฝึกงานครับ
ทำไมถึงมาได้ฝึกงานที่นี่?
กลางปีที่แล้ว ผมได้ไปแข่งขันในกิจกรรมๆหนึ่งครับของบริษัท LG โครงการนี้มีชื่อว่า LG Global Challenger เป็นการแข่งขันที่ให้คิดหัวข้อที่อยากจะศึกษา ให้ทุนไปศึกษา แล้วต้องกลับมาเขียนรายงาน โดยมีรางวัลล่อตาล่อใจอย่างโน้ตบุ๊ค โล่จากประธานบริษัท LG และ สิทธิ์ในการฝึกงานที่บริษัท LG (เครือใดก็ได้!) ซึ่งบอกตรงๆครับว่า ตอนที่แข่งนี้ ไม่มีอะไรที่น่าสนใจเท่ากับสิทธิ์ที่จะได้ฝึกงานในบริษัท LG อีกแล้ว ! ผมจึงทุ่มเทกับการทำโครงการนี้มากๆ เรียกว่าทุ่มทั้งเวลา งัดแงะความสามารถที่มีออกมาใช้ ทำยังไงก็ได้ขอให้ได้มีโอกาสมาฝึกงานกับบริษัทใหญ่ๆ และสิ้นปีผมก็ได้ข่าวดีที่ผมชนะได้รางวัลนั้นมาครองสมใจ (จริงๆเรื่องยาวครับ แต่ขอรวบรัดตัดตอน เอาเป็นว่าได้รางวัลมาแล้ว…)
ตอนนั้นผมลังเลอยู่พอสมควรครับว่าได้สิทธิ์ฝึกงานที่บริษัท LG มาอยู่ในมือแล้ว จะเอาไปใช้ยังไงดี ผมกำลังคิดถึงว่าผมจะไปทำงานอยู่ในสายไหน ด้านไหน บริษัทไหนอยู่ครับ … สงสัยมั้ยครับ ว่าทำไมผมใช้เวลาในการคิดนาน ก็เพราะว่าผมค้นพบว่า “ผมจะไม่ฝึกงานในสายที่ผมเรียนอยู่!” นึกอยากลองไปทำงานในสายที่สนใจ และไม่มีโอกาสได้กลับไปเรียนซ้ำในสายนี้ ผมเลยตรงมาที่บริษัทโฆษณาในเครือของ LG อย่าง HSAd แผนก Digital Planning ครับ
ตัดสินใจเลือกฝึกงานในช่วงหน้าร้อน ระยะเวลาก็สั้นๆครับ เดือนนิดๆ (เขากำหนดมาให้) ก็ยังคิดในใจว่าจะผ่านทั้งเดือนนี้ไปได้ยังไง จะต้องใช้ภาษาเกาหลีมากน้อยแค่ไหน จะกดดันมากมั้ย ก็แอบคิดแล้วก็เตรียมตัวไปด้วย นอกจากเตรียมภาษาแล้ว เรื่องหนึ่งที่ต้องเตรียมคือ เสื้อผ้า ครับ 555 ปกติใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีก็ชิวๆสบายๆ ใส่ขาสั้น รองเท้ากีฬา แต่พอจะต้องมาฝึกงานก็แอบต้องคิดแล้วคิดอีก ผมก็ใช้เวลาทั้งวันนั่งทำการบ้านเรื่องแต่งตัว ต้องไปหาซื้อเชิ้ต (ซึ่งปกติไม่ค่อยชอบใส่) สแล็ก ฯลฯ เรียกว่าเป็นการลงทุนเกี่ยวกับเสื้อผ้าครั้งใหญ่เลยทีเดียว!
แนะนำสถานที่ฝึกงาน
ถ้าให้ผมแนะนำคร่าวๆ HSAd (HS애드) เป็นบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่อยู่ในเครือ LG ครับ เท่าที่ผมเคยเห็น rank ของบริษัทก็จะอยู่ราวๆ TOP3~TOP5 ของเกาหลี HSAd ถือเป็นหนึ่งในเอเจนซี่โฆษณาของบริษัทใหญ่ที่ทำโฆษณาให้กับ LG และบริษัทอื่นๆครับ ถ้าให้แนะนำเอเจนซี่โฆษณาอื่นๆในเกาหลีก็จะมี Innocean (이노션) ของบริษัทรถ Hyundai และ Cheil (제일기획) ของ Samsung ที่เป็นคู่แข่ง
พาเพื่อนๆมาดูสถานที่ทำงานไปด้วยกันครับ…
ฝึกงานวันแรก
เริ่มงานวันแรก ผมตื่นเต้น ไปก่อนเวลาเลยครับ เลยได้ไปนั่งรออยู่สักครู่จนได้พบกับหัวหน้าทีมคุณ อู ยูรัน ครับ เป็นคนที่อัธยาศัยดีมากๆ พาผมไปทำความรู้จักกับทุกคนทั้งชั้นเลย ก่อนที่จะเรียกประชุมทีมด่วน เพื่อแค่ …มาฟังผมแนะนำตัว – -” โหย ไม่มีอะไรจะกดดันไปมากกว่านี้แล้วครับ ดีที่ผมแอบไปเตรียมตัว พูดแนะนำตัวเองอยู่เป็นสิบๆรอบ แม้ว่าภาษาเกาหลีของผมกับแค่การแนะนำตัวไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็นอะไรเท่าไร แต่วินาทีนั้น ตื่นเต้นมากอย่างบอกไม่ถูก ผมแนะนำตัว + แจกรอยยิ้มให้กับทุกคน เพื่อให้ 1 เดือนนิดๆของผม ผ่านไปอย่างไม่มีปัญหาครับ
บ่ายของวันนั้นช่วงเบรค ผมขึ้นมากินกาแฟกับรุ่นพี่ครับ รุ่นพี่ชวนมาชั้นบนของที่ทำงาน มีเป็นร้านกาแฟ ใช้บัตรพนักงานแตะเข้ามากินได้ รุ่นพี่ชวนคุยเรื่องที่ทำงาน การปรับตัว ชวนผมเริ่มจากอะไรง่ายๆ เช่น รู้จักชื่อของทุกๆคนและตำแหน่ง พี่เขาก็ใจดีเขียนเป็นแผนผังให้เลยครับว่าใคร ตำแหน่งอะไร นั่งอยู่ตรงไหน เรื่องนี้ผมว่าสำคัญ เพราะถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งที่จะต้องเรียกตำแหน่งและชื่อให้ถูก
การงาน
หัวหน้าทีมบอกกับผมตั้งแต่ตอนแรกเลยครับว่า “อยากให้ใช้เวลาฝึกงานนี้ เรียนรู้งาน อาจจะไม่มีงานอะไรที่ให้เธอเข้าไปทำได้จริงๆจังๆเท่าไร ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะ” …. จริงๆ ณ ตอนนั้น สารภาพว่ายังไม่มีความมั่นใจ ถึงขั้นจะไปทำอะไรเท่าไหร่ อยากเป็นฝ่ายดูก่อน และก็ได้ดูสมใจ ผมเข้าใจเลยครับว่าสายงานนี้ ต้องอาศัยการติดต่อกับลูกค้า ยุ่งอยู่กับเอกสารครับ ดังนั้น scope งานของเด็กฝึกงานคนนี้ + ความเป็นต่างชาติ จะทำได้นั้นยิ่งค่อนข้างแคบไปอีก โชคดีที่มีทีมเมนเตอร์ (ก็คือทีมพี่ๆผู้ช่วยผู้จัดการ) มาคอยป้อนงานให้เราไปหาโฆษณา หรือแคมเปญในบ้านเรามานำเสนอบ้างครับ ผมก็มีโอกาสได้ไปนำเสนอให้ทุกคนได้เห็นโฆษณาเจ๋งๆของบ้านเรา คนที่นั่นส่วนใหญ่ได้ดูโฆษณาฮาๆในบ้านเรามาก็เยอะครับ ซึ้งๆก็เยอะไม่แพ้กันเลย
ผมก็รู้สึกว่าผมได้เข้ามาอีกโลกหนึ่ง โลกของ Digital Marketing มีโอกาสได้ฟังการนำเสนอแคมเปญต่างๆ ของจากหลากหลายทีมในบริษัท ที่รับผิดชอบงานของลูกค้าคนละบริษัทกัน ทำให้ผมได้เห็นกระบวนการ กว่าจะมาเป็นแคมเปญๆหนึ่งได้ ต้องทำยังไง ใช้เงินไปเท่าไร เกิดปัญหาอะไร ซึ่งก็มีอบรมใหญ่ๆอยู่ประมาณ 2 ครั้ง/เดือนได้ครับ
จนช่วงไม่กี่อาทิตย์ก่อนจะจบการฝึกงาน ก็ได้รับการติดต่อมาจากอีกแผนก เขาทราบว่าผมเป็นคนไทย และบังเอิญว่าทีมนั้น กำลังจะไปทำโฆษณาให้กับ องค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) พอดี มีโปรเจ็คเข้าไปถ่ายที่ประเทศไทยด้วย จึงอยากให้ผมไปช่วยหาข้อมูลให้ ผมก็ยิ้มสิครับ! เพราะจะได้ทำในสิ่งที่เราน่าจะช่วยเหลือได้มากที่สุดและคิดว่าดีที่สุด ! งานและหน้าที่จึงมาหาผมเยอะขึ้นและเริ่มสนุกกับมันมากขึ้น !
ผมถูกยืมตัวมาทำงานให้กับ ทีม Global Business Strategy ภายใต้การนำของผู้จัดการ คิม ที่มีประสบการณ์ไปเที่ยวไทยมาไม่น้อยเช่นกัน และครั้งนี้ก็อยากให้ผมช่วยออกไอเดีย คอยหาข้อมูลกับโปรเจ็คที่จะเซอร์ไพรส์ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ “จ๋อม” ทำงานอยู่ที่สถานี ThaiPBS ซึ่งเคยมาเที่ยวที่ประเทศเกาหลี แล้วก็วาดภาพเป็นเรื่องราวของตัวเองตอนที่มาเที่ยวที่เกาหลี ภาพของคุณจ๋อมที่อยู่บน Instagram ก็ไปเป็นไอเดียของโฆษณานี้ ซึ่งทางนี้เขาต้องการทำแคมเปญ “Korea Visits You” แนวๆว่า ถึงคราวเกาหลีไปเยือนคุณกลับบ้าง เหมือนเป็นการ “ขอบคุณ” นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาเที่ยวเกาหลีแล้วไม่ลืมเกาหลี ได้ฟังแล้วก็รู้สึกอบอุ่น คล้อยตามไปด้วย ผมก็พยายามเก็บข้อมูลของคุณจ๋อมที่เราจะไปเซอร์ไพรส์นี้เรื่อยๆ หาข้อมูลเพื่อนที่จะช่วยเซอร์ไพรส์ แล้วส่งไปให้ทีมถ่ายทำช่วยประสานงานต่อ การหาข้อมูลตรงนี้ล่ะครับ ที่ผมว่าสนุกดี
ไอเดียคือเราต้องไปเซอร์ไพรส์ครับ ดังนั้นทุกๆขั้นตอนจำเป็นต้องไม่ให้อีกฝั่งหนึ่งไหวตัวทัน (ตอนนั้นคิดว่าตัวเองทำรายการสาระแนอยู่ 55) ช่วงที่เซอร์ไพรส์นี่เป็นช่วงที่ผมกลับไทยพอดีครับ เลยมีโอกาสได้ไปช่วย + ไปดูบรรยากาศการทำงานด้วย ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ได้เรียนรู้ขั้นตอนการทำงานครับ
และนี่คือผลงานในวันนั้นครับ…
จริงๆแล้วแอบมีผมอยู่ในคลิปด้วยล่ะ นาทีที่ 0:59 แต่บอกเลยว่าเป็นเสี้ยววินาทีครับ เลยแคปมาให้ดูกัน 🙂
เรื่องกินๆ เที่ยวๆ
มีพี่ในทีมคนหนึ่งเคยถามผมว่าผมดื่มเหล้าหรือเปล่า? ผมก็ตอบไปว่าไม่ค่อยดื่ม พี่เขาบอกว่าดีเลย เพราะทีมนี้ไม่เน้นดื่ม เน้นกิน และเวลาเจอลูกค้า เลี้ยงลูกค้า มันต้องเลี้ยงดี รับแขก เป็นเรื่องปกติที่ทีมนี้จะรู้แหล่งของกินเจ๋งๆ…
ความพยายามของผมที่จะลดน้ำหนักก่อนกลับไทยหลังฝึกงานจบนั้นก็ได้พังสลายแต่เพียงเท่านี้..
.
.
.
เมื่อได้มาพบกับ…
นอกจากกินแล้ว ทีนี้ก็มีเที่ยวครับ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่แต่ละทีมเขาผลัดกันไปเที่ยว ก็เลยโดดทิ้งงานกันไปหนึ่งวัน ทีมผมตกลงว่าจะไปเที่ยวกันที่เมือง ซกโช (속초) ซึ่งอยู่ห่างจากโซลไปประมาณ 2 ชม. มีคอนเซ็ปต์คือไปตะลุยของกินอร่อยๆ + จับโปเกมอน (ช่วงนั้นเป็นช่วง Pokemon Go ฮิตพอดี แล้วก็เกาหลีมีเมืองซกโชเมืองเดียวที่เล่นได้ เพราะว่าไปเกี่ยวกับโซนที่ให้บริการ) … ความงามของเมืองซกโชนี้คือ เป็นเมืองที่ติดชายฝั่งทะเล ก็ได้พี่หัวหน้าแผนกขับรถพาไปกินของกินอร่อยๆ แล้วก็พาไปดูวิว กินลมชมทะเลตะวันออกเกาหลีครับ
เป็นประสบการณ์การกินและการท่องเที่ยวที่ดีครับ เพราะพี่ๆที่นี่ทำให้ผมได้รู้จักร้านดี ร้านเด็ดในเกาหลีเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะเลย ^0^
อ้อ อีกเรื่องคือทีมนี้ชอบอาหารไทยกันมากๆครับ ถึงขั้นว่ามีมื้อเที่ยงหลายมื้อที่เราไปกินอาหารไทยกัน (เท่าที่ผมนับได้ก็ 3 ครั้ง) เมนูโปรดของทุกคนที่นี่คือ ทอดมันกุ้งและผัดผักบุ้งครับ 555
เวิร์คช็อป
บริษัทในเกาหลีส่วนใหญ่จะมีการจัดเวิร์คช็อปอยู่เรื่อยๆครับ ซึ่งเป็นการออกไปทำกิจกรรมสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน แล้วมีประชุมเล็กๆน้อยๆนอกสถานที่ ซึ่งผมก็มาถูกช่วงถูกจังหวะ ที่บริษัทจัดเวิร์คช็อปพอดี ซึ่งมาจัดกันที่เมืองคาพยอง (가평) อยู่ห่างจากโซลด้วยรถยนต์ประมาณชม.นิดๆ เวิร์คช็อปที่จัดนี่ก็มี theme ด้วยครับ เป็นการจำลองการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก Rio ที่ตอนนั้นกำลังฮือฮา ก่อนงานประมาณอาทิตย์ก็มีการแบ่งกลุ่มเป็นประเทศๆ แล้วให้ mission เป็นทำวิดิโอแนะนำสมาชิกและประเทศนั้นๆ
สถานที่จัดกิจกรรมก็ติดแม่น้ำ และล้อมไปด้วยภูเขา ร่มรื่นมากๆครับ ซึ่งวันนี้ค้างที่นี่ 1 คืน ก่อนทำกิจกรรมก็มีปฏิญานตนของพนักงานใหม่ ต่อด้วยพิธีเปิด ซึ่งทำเหมือนพิธีเปิดโอลิมปิก มีวิ่งคบเพลิง มีเปิดตัวนักกีฬาจากแต่ละประเทศ ซึ่งผมก็ไปช่วยเขาเป็นพิธีกรเปิดตัวนักกีฬาภาคภาษาไทยด้วย 555 สนุกดีครับ
เสร็จสิ้นจากกิจกรรมกลางแจ้งก็เข้ามาทานข้าวครับ ก่อนจะเริ่มต้นประชุมย่อยๆ มีการแนะนำสมาชิกใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ใครย้ายจากแผนกไหนมาอยู่ไหน ก่อนหน้านี้ทำอะไร เป็นการกระชับมิตรครับ จากนั้นก็ทิ้งท้ายคืนนั้นด้วยคาราโอเกะ เหล้าเบียร์ ตามสไตล์เกาหลีครับ งานนี้ใครอยู่ดึกได้ขนาดไหนก็อยู่ไปครับงานนี้ ส่วนผมก็มีพี่ที่แผนกเดียวกันชวนไปต่อ กลับมาสลบมาก…
ทิ้งท้าย
ผมรู้สึกว่าประสบการณ์การฝึกงานที่นี่ เป็นอะไรที่คุ้มครับ เทียบกับเวลา แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ (เดือนนิดๆ) กับการเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ ซึ่งผมเองอาจจะไม่ได้มีส่วนไปรับผิดชอบงานอะไรมาก แต่สิ่งที่ได้เปิดโลกใบใหม่ให้กับผมเหมือนกัน พี่หัวหน้าแผนกพูดกับผมว่า “ฝึกงานอะ เขายังไม่ได้ให้มาทำงาน แต่ให้มาเอา connection” พี่เขาอธิบายต่อว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะได้มาเจอกัน เชื่อมั้ยว่าที่เรามาที่นี่ เราได้ทำให้คนในออฟฟิศอีกหลายๆคนที่ไม่รู้ว่าประเทศไทยเป็นยังไง ได้รู้จักอีกแง่หนึ่งจากเรามากขึ้น เรากำลังทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักนะ” ผมได้ยินคำนี้ก็รู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกครับ ใช่ครับ มันมากกว่าการมาทำงานจริงๆ เพราะผมได้รับโอกาสเหล่านี้ ได้รับการดูแลที่ดี พี่ๆมักจะย้ำกับผมเสมอๆว่า คุณคือเด็กฝึกงานที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ เป็นเด็กฝึกงานต่างชาติที่เขาอยากจะสอนทั้งงาน สอนทั้งวัฒนธรรมเกาหลี ความเป็นอยู่เกาหลีให้ ผมจึงบอกได้เลยว่าเวลาช่วงที่ผ่านมามีค่าสำหรับผมมากครับ ซัมเมอร์ที่ผ่านมาจึงเป็นเหมือนประสบการณ์ใหม่ๆ ความทรงจำดีๆที่ปักเป็นธงไว้บน milestone ของผมด้วยครับ
แล้วก็อย่าลืมติดตามเรื่องราวในเกาหลีของเฟรมคุงต่อไปด้วยนะครับ สวัสดีครับ 🙂