Exploring Hong Kong #1 – Tsim Sha Tsui

0
5634

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ปลายปีที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปฉลองคริสต์มาสและบรรยากาศปลายปีในต่างประเทศมาล่ะครับ (แม้ว่าตัวเองอยู่ต่างประเทศอยู่แล้วก็ตาม) และที่ที่ผมจะพาคุณผู้อ่านไปนั้น เป็นอีกหนึ่งสีสันของเอเชีย ที่นี่คือ “ฮ่องกง” ครับ

cover_part1

ข้อมูลการท่องเที่ยว

วันที่เดินทาง : 21 ธันวาคม – 26 ธันวาคม 2558
ช่วงนั้นอากาศไม่ร้อนไม่หนาวอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศา

เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง

  1. ตั๋วเครื่องบิน : ผมนั่งตรงจากเกาหลีมาลงที่สนามบินฮ่องกง สายการบิน Jeju Airline ไฟลท์ 09.55 ถึงฮ่องกง 12.55 (ระยะเวลาเดินทางโดยประมาณ 3 ชั่วโมง)
  2. โรงแรม : ใช้บริการของ Booking.com ครับ ทริปนี้เป็นทริปแนวประหยัด budget เบาๆ เลยเลือกที่พักราคาประหยัด ในย่านท่องเที่ยว Tsim Sha Tsui โรงแรมชื่อ Sandhu Hotel ในส่วนรีวิวโรงแรมจะพูดในหัวข้อถัดไปครับ
  3. อินเทอร์เน็ต : ทำการบ้านมาส่วนใหญ่เขาจะแนะนำให้ซื้อเป็นซิมการ์ดเติมเงิน ซึ่งมีให้เลือก 7 วัน 14 วัน ตามระยะเวลา โดยสามารถหาซื้อได้ตั้งแต่อยู่ที่สนามบิน หรือออกมาซื้อที่ร้านสะดวกซื้อข้างนอกก็ได้ครับ (แต่ซื้อในร้านโทรศัพท์ที่สนามบินก็จะสะดวกหน่อยเพราะมีคนถอดซิมให้ และกดหมายเลขลงทะเบียนให้เราทันที)
  4. ปลั๊กไฟ : ปลั๊กไฟไม่เหมือนบ้านเรานะครับ ลองหารูปประกอบดูในอินเทอร์เน็ต
  5. แอพแนะนำ : Google Maps (สำหรับดูเส้นทางพื้นฐาน, รถไฟฟ้า), OpenRice (สำหรับค้นหาร้านอาหาร แอพค่อนข้าง Local คล้าย wongnai ในบ้านเรา)
    app.jpg

ท่องเที่ยวในฮ่องกง

แบ่งฮ่องกง ก็จะแบ่งได้เป็น 4 ส่วนดังนี้ครับ

  1. เกาะลันเตา (Lantau island) : สถานที่ตั้งของสนามบินฮ่องกง, สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และ Ngong ping 360 cable car กระเช้าที่นำไปชมพระใหญ่
  2. เกาลูน (Kaoloon) : ที่ตั้งของหลากร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน ที่พักราคาถูก ย่านท่องเที่ยวสำคัญอย่าง Tsim Sha Tsui และถนนช็อปปิ้ง Mongkok ตั้งอยู่ที่นี่
  3. เกาะฮ่องกง (Hongkong Island) : เกาะที่เป็นสถานที่ตั้งของศูนย์การค้า แหล่งช็อปปิ้ง, รถกระเช้า แทรม, จุดชมวิวเมืองของเกาะฮ่องกง Victoria Peak, สวนสนุก Ocean Park
  4. เขตดินแดนใหม่ (New territories) : สถานที่ท่องเที่ยวในโซนนี้จะเน้นธรรมชาติ ภูเขา

ตารางการท่องเที่ยวตลอด 5 วันในฮ่องกง-มาเก๊า

ผมอาจจะต้องเกริ่นก่อนว่าบล็อกเที่ยวฮ่องกงนี้กะไม่เขียนลงรายละเอียด โดยเฉพาะวิธีการเดินทางเหมือนกับบล็อกตอนอื่นๆนะครับ แต่พยายามจะแนะนำในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวเพื่อไปเป็นข้อมูลเสริม ซึ่งรายละเอียดการเดินทางทั้ง 5 วันของผมเป็นดังนี้ครับ…

day_1_hong_kong_schedule
day_2_hong_kong_macau_scheduleday_3_hong_kong_scheduleday_4_hong_kong_disney_land_scheduleday_5_hong_kong_schedule

เดินทางท่องเที่ยวในเมือง

ทันทีที่ผมและเพื่อนๆที่เดินทางมาด้วยกัน ถึงสนามบิน ก็เริ่มต้นจากการหาซิมการ์ดก่อนล่ะครับ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น มีหลายค่ายด้วยกัน แต่ที่ดูจะเป็นที่นิยมคือซิมการ์ดของค่าย CSL ที่หาซื้อได้ในร้านขายโทรศัพท์มือถือใกล้กับ 7-11 ข้อดีคือมีไวไฟฟรีให้ใช้บริการ รวมไปถึงสามารถนำไปใช้ที่มาเก๊าได้อีกด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 5 วัน/1.5 Gb ราคา $88

แต่เนื่องจากตอนนั้นผมไปที่ร้านแล้วเขามีแต่แบบ 14 วัน ซึ่งราคาก็แอบสูงเกินความจำเป็น จึงตัดสินใจใช้ของอีกค่ายครับ มีบูธอยู่ถัดๆไปอีกไม่ไกลมาก เป็นของ China Mobile ราคาอยู่ที่ 5 วัน/1.5 Gb $80 ถูกลงมากว่าหน่อย แต่เสียอย่างเดียวคือไม่สามารถใช้งานที่มาเก๊าได้ครับsim-card-in-hongkong

ผลการใช้อินเทอร์เน็ต 1.5Gb กับที่โรงแรมมี Wifi ให้บริการ ถือว่าเพียงพอ และเหลือด้วยซ้ำครับ (เหลือประมาณ 400mb ในวันสุดท้าย)

และหลังจากนั้นก็ไปซื้อบัตรเดินทาง Octopus card ครับ ซึ่งข้อดีสามารถนำบัตรไปใช้กับทุกบริการสาธารณะในฮ่องกงได้ รวมไปถึงใช้ซื้อสินค้าต่างๆได้ด้วย ถ้าจำไม่ผิด ค่าบัตรอยู่ที่ $50 ถามว่าเติมเงินเท่าไรถึงจะพอดีกับการท่องเที่ยว อันนี้แล้วแต่วางแผนมาครับ แต่เติมไว้ก่อนสัก $100 หรือ $200 หากไม่พอในคราวหลังก็อาจจะเติมเงินที่ตู้ในสถานี หรือใน 7-11 ก็ได้

การเดินทางจากสนามบินฮ่องกงไปย่าน Tsim Sha Tsui

ที่พักของผมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Tsim Sha Tsui (อ่านว่า จีม-ซา-เจ่ย) นี้เลยครับ การเดินทางสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง (Airport Express) ไปเลยก็ได้ซึ่งก็แน่นอนว่าแพงกว่าการนั่งรถบัส รถบัสเหมาะสำหรับผู้ที่มีสัมภาระเยอะ ผมจึงใช้บริการรถบัส ซึ่งรถบัสที่ไปคือ สาย A21 (เส้นทางรถบัสว่าจะต้องนั่งสายไหน สามารถเช็คได้จากแอพ Google Maps) ออกมาจากสนามบิน ตามหาป้าย Bus to city แล้วเดินออกมา จะเห็นป้ายรถบัสและคนต่อแถวรออยู่ครับ นำบัตร Octopus card ไปแปะตรงฝั่งคนขับ นำกระเป๋าเดินทางไปวางไว้ในช่องเก็บของ ก็เป็นอันเรียบร้อย สามารถขึ้นไปนั่งชั้นสองของรถบัส ชมวิวได้อย่างสบายๆ นั่งเข้าเมืองชิดซ้าย ก็จะได้เห็นวิวที่สวยงามของฮ่องกงด้วยครับ

A21-bus-hongkong

bus-to-city-hongkong
ข้อดีของบัสที่นี่คือ 2 ชั้น และชั้นล่างออกแบบไว้ให้เพื่อวางกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆได้สบายๆเลยครับ ที่นั่งบนชั้น 2 ก็มีเหลือเฟือ มีจอคอยบอกสถานีว่าถึงไหนแล้ว

 

hongkong_city_scenary
นั่งรถข้ามเกาะมา พอเริ่มเข้ามาในเมืองก็จะค่อยๆเริ่มเห็นความฮิปสเตอร์ของบ้านเมืองแล้วครับ ผมชอบดูลักษณะบ้าน โดยเฉพาะพวกอาคารเวลาไปเที่ยวแต่ละที่ และที่ฮ่องกงก็เป็นอีกที่ ที่ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ

ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงชม. ประกอบกับการเช็คพิกัดใน Google Maps มาตลอดทาง ก็มั่นใจแล้วครับว่าใกล้กับจุดที่จะต้องลง ในรถจะมีจอบอกอยู่ครับว่าสถานีนี้คืออะไร สถานีถัดไปคืออะไร โดยบอกเป็นตำแหน่งสำคัญๆ เมื่อเราพร้อมที่จะลงก็ให้ลงไปเตรียมตัว รื้อกระเป๋าออกมาจากชั้นกันให้เรียบร้อย

hotel
ถึงแล้วครับที่พัก ที่สุดแสนจะหายาก โรงแรมแบบ budget ส่วนมากจะอยู่ในอาคารใหญ่ๆอีกทีหนึ่งครับ ผมเลือกใช้บริการโรงแรม Sandhu ที่จองมาจาก Booking.com เคาน์เตอร์อยู่ชั้น 13 ในอาคารที่เป็นเหมือนตึกแถว ทางเข้าคือรูปซ้ายเลยครับ

ห้องค่อนข้างแคบสมคำล่ำลือในรีวิว ผมแนะนำว่าหากใครที่สัมภาระน้อยๆ ที่นี่โอเคมากครับ เยอะอาจจะเข้าได้ทีละคน ปิดประตูได้แค่ครึ่งนึงครับ

ท่องเที่ยวในย่าน Tsim Sha Tsui

Tsim-Sha-Tsui-Station.jpg
ร้านค้าที่อยู่ในย่านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นของแบรนด์ๆครับ มีห้างใหญ่ๆ ยาวติดกันไปหมด จาก Tsim Sha Tsui เราจะเดินต่อกันไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงอ่าว ที่เราจะเห็นอาคารอีกฝั่งของเกาะฮ่องกง ให้ได้มาถ่ายรูปสีสันยามค่ำคืนของการเล่นแสงสี “The Symphony of Lights” ซึ่งแสดงทุก 2 ทุ่มทุกวัน วันที่ไปแอบมีหมอกครับ พวกไฟที่ฉายมาจากอาคารต่างๆเห็นได้ไม่ชัดเจน ความคิดเห็นส่วนตัวคือ การแสดงแสงสีอาจจะไม่ค่อยหวือหวาเท่าไรครับ แต่มุมนี้ก็ยังเป็นหนึ่งมุมยอดฮิตที่แสดงความเป็นฮ่องกงได้อย่างชัดเจน

The-Symphony-of-Lights

night_at_tsim_sha_tsui
บรรยากาศยามค่ำคืนใน Tsim Sha Tsui

รวมของกินในย่าน Tsim Sha Tsui

เนื่องจากว่าผมไม่ได้เที่ยวในย่านนี้เป็นหลักเป็นแหล่งเท่าไรครับ โซนนี้เป็นโซนที่พักของพวกเราซะมากกว่า เลยขอรวบรวมร้านอาหารไว้เลยทีเดียว ที่เราได้ทำการบ้านกันวันต่อวันจากแอพ OpenRice ที่สามารถหาร้านอร่อยจากพิกัดที่เราอยู่ได้ครับ ก็ขออนุญาตรีวิวในร้านที่ไปกินมา(คนละวัน) ที่คิดว่าเข้าท่าทั้งหมด

1. ร้านโจ๊ก Hung Lee Kitchen

hung-lee-restaurant-hongkong

ร้านโจ๊กยามเช้าที่ได้รับความนิยมในคนไทย สังเกตได้จากรีวิวและลูกค้าในร้านที่มาใช้บริการ รวมไปถึงเมนูภาษาไทยที่ร้านนี้มีพร้อมให้บริการ

พิกัด : ดูจากใน [แผนที่] เป็นหลัก อยู่ใกล้ประตู A2 สถานี Tsim Sha Tsui

เมนูที่แนะนำให้สั่งก็คงเป็นโจ๊กทั้งหลายครับ รสชาติก็ใช้ได้เลย แต่แอบเละและไม่ค่อยข้นเท่าไร ก๋วยเตี๋ยวหลอดที่ห่อปาท่องโก๋นี่อร่อยมากๆครับ ราคาถือว่าไม่แพง โจ๊กอยู่ที่ $26~50 ครับ ส่วนบ๊ะจ่างที่ไปทานไม่เหมือนของบ้านเราครับ เหมือนข้าวเหนียวแฉะๆมากกว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไร

2. ร้านติ่มซำโต่วเฮิง (Tao Heung) 

tao-heung-tsim-tsa-tsui-branch

ร้านนี้ในหลายๆเว็บรีวิวท่องเที่ยวฮ่องกงยกให้เป็นหนึ่งในร้านติ่มซำอร่อย ราคาไม่แพง กับสถานที่ที่ใหญ่โออ่าแบบโต๊ะจีน ที่นั่งกินสบายมากครับ เมนูแนะนำคงเป็นติ่มซำทุกอย่าง สั่งมากันให้จุใจไปเลยครับ ราคาไม่ค่อยแพง ระยะเวลาในการเสิร์ฟอาหารค่อนข้างนาน และแนะนำให้ไปทานตอนเช้าครับ ช่วงเย็นร้านจะขายเป็นชาบู ไม่มีติ่มซำ ดังนั้นวางแผนเป็นมื้อเช้า หรือบ่ายก็ดีเหมือนกันครับ

3. ร้าน Cafe de Coral – ร้านอาหารฟ้าสฟู้ดสไตล์ฮ่องกง ที่สั่งง่ายที่สุด

cafe-de-coral

พิกัด : ตั้งอยู่ในห้าง CKE ชั้น 2 ใกล้กับสถานี Tsim Sha Tsui ประตู N5 ครับ
[แผนที่]

มาทานที่ร้านนี้เป็นมื้อเช้า โดยเมนูหลักๆ ก็จะมีโจ๊ก (Congee) ขนมปัง ไข่ดาว เมนูเส้นๆ มีตัวเลขภาษาอังกฤษพร้อมภาพกำกับบอกครับ เราสามารถบอกหมายเลขและไปสั่ง ก่อนที่จะเอาคูปองไปยื่นให้กับเคาน์เตอร์จัดการให้เรา ราคาอยู่ที่มื้อละประมาณ $25 ~ $40 ซึ่งถือว่าไม่แพงครับ รสชาติก็พอทานได้ครับ

4. food republic

ศูนย์อาหาร เฟรนไชส์จากสิงคโปร์ที่รวบรวมอาหารนานาชนิต ไม่ว่าจะเป็นสไตล์จีน สไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงฮ่องกง ก็มีรวมไว้อยู่แล้วที่นี่ครับ

พิกัด : ชั้นใต้ดินห้าง Silvercord อยู่ใกล้กับสถานี Tsim Sha Tsui ประตู A1 [แผนที่]

ตัวเลือกที่หลากหลาย ผมเองก็ไม่ได้สั่งอาหารฮ่องกงทานที่นี่ซะด้วยครับ แต่ได้มาลอง Laksa อาหารสิงคโปร์ที่นี่แทน ทานกับกาแฟก็พอรองท้องไปลุยเที่ยวต่อได้ครับ รสชาติถือว่าพอได้ครับ

food-republic

5. Yuen Kee Restaurant

ร้านนี้จำได้ว่ามาทานวันสุดท้ายครับ มาตามหาข้าวหน้าเป็ดกัน เปิดแอพมาเจอร้านที่อยู่ในโซนที่พัก เดินออกมาหน่อยก็มาเจอร้านนี้ครับ Yuen Kee ตอนนั้นออกมาหากินกับรุ่นน้องดึกๆเลยล่ะ 4 ทุ่มได้ ก็พบว่าร้านนี้ยังเปิดอยู่

Yuen-Kee-Restaurant

ในร้านก็ค่อนข้างกว้างและนั่งสบายครับ เมนูก็จะเป็นพวกข้าวหน้าหมู หน้าไก่ เนื้อ เครื่องใน มีเมนูค่อนข้างหลากหลายและราคาไม่แพงครับ

พิกัด : เดินมาประตู C1 ของสถานี Jordan เหมือนจะใกล้ที่สุดครับ แนะนำให้เปิด [แผนที่] ประกอบ

ทั้งหมดนี้คงเป็นแนะนำการท่องเที่ยวในบริเวณย่านที่ผมพักครับ ไฮไลท์คงเป็นโซนอื่นๆ ที่ผมจะมีโอกาสได้นำเสนอในบล็อกตอนต่อไป แล้วยังไงพบกับการเดินทางในบล็อกตอนหน้า อย่าลืมติดตามกันนะครับ ^_^