เมื่อหน้าร้อนของปี 2556 ผมต้องย้ายสัมโนครัวของผมจากแคมปัสที่อยู่ใจกลางกรุงโซล ไปยังแคมปัสที่เป็นที่ตั้งของสนามบินอินชอน เมืองซงโด (Songdo) ด้วยเหตุผลที่ว่า มหาวิทยาลัยยอนเซมีการเริ่มใช้ระบบการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ เรียกว่า RC (Residential College) และมาเริ่มในปีที่ผมเข้าเรียน (2013) พอดิบพอดี! ดังนั้น นักเรียนที่จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยยอนเซ ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป ก็จะต้องมาทำกิจกรรมที่แคมปัสนี้ทุกคนครับ แล้วเขาไปทำกิจกรรมอะไร? ดีหรือไม่ดี? บล็อกในตอนนี้จะไขคำตอบให้ครับ !
โปรแกรม Residential College (RC) คืออะไร ?
มหาวิทยาลัยยอนเซ นับว่าเป็นมหาลัยแรกและหนึ่งเดียวที่ดำเนินกิจกรรม RC นี้ครับ วัตถุประสงค์ของโปรแกรมนี้ คือต้องการสร้างสภาพแวดล้อมของการเรียนที่ดี มีการทำกิจกรรมต่างๆหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ กีฬา หรือสันทนาการต่างๆ, กิจกรรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อพัฒนาความเป็นผู้นำ และความคิดสร้างสรรค์ โดยสภาพแวดล้อมที่ว่า คือการสร้างเป็นชุมชนเสมือนขึ้นมาให้ได้ใช้เวลาในมหาวิทยาลัยทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อนๆและอาจารย์
รูปแบบของ Residential College เริ่มถูกนำมาใช้ในมหาวิทยาลัยหลายๆแห่งที่อังกฤษและอเมริกา เช่นที่ ม.Oxford และ ม.Northwestern ในประเทศไทยก็มีการนำระบบนี้มาใช้เช่นกัน คือ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
โปรแกรม Residential College (RC) ของมหาวิทยาลัยยอนเซ
อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นครับ ระบบ RC นี้จะจำลองชุมชนเสมือนขึ้นมา ในปีแรกของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยยอนเซนี้ จะต้องไปทำกิจกรรมและอยู่ด้วยกันในหอพักครับ เริ่มต้นจากจะได้อีเมลให้ ลงทะเบียนหอพัก ตอนลงทะเบียนก็จะต้องระบุรูปแบบการนอนว่ามีลักษณะการนอนอยา่งไร เป็นคนนอนดึกหรือเปล่า? มีความชื่นชอบด้านไหน? หอพักนี้จริงๆมีศัพท์เฉพาะให้เรียกว่า เฮาส์ (house) หรือบ้านนั่นเองครับ มีบ้านให้เลือกหลากหลายบ้านตามความชอบ ฟังดูแล้วเหมือนบ้านในแฮร์รี่ พอตเตอร์ อย่างไงอย่างงั้น ขอยกตัวอย่างรายละเอียดมาให้ฟังกันดีกว่า…
- บ้าน Underwood มีธีมว่า เป็นผู้นำ ก็จะมีกิจกรรมต่างๆให้ได้ออกไปช่วยเหลือ ทำกิจกรรมอาสาต่างๆ และกิจกรรมที่พัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ เช่น โต้วาที
- บ้าน Yun, Dong-Joo นี้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ วัฒนธรรม สายภาษา ชื่อบ้านตั้งตามนักกวีที่มีชื่อเสียงของเกาหลี Yun, Dong-joo แน่นอนว่ากิจกรรมในบ้านหลังนี้ก็จะเน้นเกี่ยวกับการใช้ภาษาเกาหลี มีให้เขียนกลอน อ่านนิยาย
- บ้าน Muak มีกิจกรรมหลักๆคือเล่นดนตรีครับ สำหรับใครที่ชื่นชอบดนตรี ก็จะมีกิจกรรม ในภาคเรียนนึงก็จะมีกิจกรรมให้ได้ไปแสดง เป็นกิจกรรมใหญ่ของบ้านอะไรทำนองนั้นครับและนอกจากนี้ก็ยังมีบ้านที่เป็น International House ประมาณ 2 หลัง ที่จะมีการใช้ภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนต่างชาติที่อยากใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกับเพื่อนๆ หรือคนเกาหลีที่อยากพัฒนาความสามารถภาษาอังกฤษ ก็สามารถลงทะเบียนเพื่ออยู่บ้านแบบ International House ได้โครงสร้างของแต่ละบ้าน ก็จะมีอาจารย์ประจำบ้าน (RM – Residential Master), พี่เลี้ยงประจำบ้าน (RA – Residential Assistant) ซึ่งมีหลายคน ทำหน้าที่คอยดูแลสมาชิกในบ้าน ตั้งกลุ่มแชทกันเพื่อที่จะคอยกระจายข่าวสารในบ้านต่างๆให้ได้ทราบ
ผมได้อยู่ในบ้านที่ชื่อว่า Yongae ครับ กิจกรรมหลักๆของบ้านหลังนี้ เน้นความสมดุล ออกๆแนวชีวจิต คือกิจกรรมค่อนข้างหลากหลายมากครับ มีให้คำปรึกษาเรื่องรักๆกับรุ่นพี่ (นี่มันไม่เวิร์คกับนักเรียนต่างชาติมาก) , กิจกรรมทำแซนด์วิช, กิจกรรมสอนออกแบบโปสเตอร์ด้วยโฟโต้ช็อป, กิจกรรมตอบปัญหา ต่อเพลงเกาหลี ฯลฯ
บรรยากาศภายในหอพักมหาวิทยาลัยยอนเซ
ห้องพัก : มีให้เลือกแบบ 2 คน หรือ 3 คนครับ เฟรมอยู่แบบ 3 คน แน่นอนว่าราคาถูกกว่า ได้รู้จักกับเพื่อนเยอะกว่า มีเตียงสองชั้น 1 เตียง และเตียงเดี่ยว 1 เตียง (ใครมาก่อนก็ได้จองเตียงเดี่ยวไป) ห้องน้ำในตัว แต่ก็ต้องแย่งกันใช้หน่อย มีโต๊ะหนังสือ ชั้นวางหนังสือ ตู้เสื้อผ้าพร้อมคีย์ล็อคอย่างดีครับ เรียกว่า สะดวกสบาย !ในแต่ละชั้นก็จะมีห้องนั่งเล่นรวม (Community room) ที่สามารถออกมาทำกิจกรรมได้ มีตู้เย็นและไมโครเวฟสำหรับประกอบอาหารง่ายๆได้ ห้องครัวจะมีบางอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีตั้งแต่ห้องคาราโอเกะ (ตอนนั้นยังไม่เปิดใช้บริการเต็มที่) และฟิตเนส (มีค่าใช้จ่ายเป็นเทอม)
ในแคมปัสของมหาวิทยาลัยยอนเซ (Yonsei International Campus)
ตึกอาคารเรียนต่างๆ ค่อนข้างใหม่และสะอาดครับ แน่นอนเพราะว่าเพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ภาพขวาเป็นมุมมองบนที่ถ่ายจากชั้นดาดฟ้าของอาคารห้องสมุด Underwood ครับ
และเฟรมขอพาทุกท่านไปชมห้องสมุดที่ภูมิใจนำเสนอครับ….
ห้องสมุดนี้มีชื่อว่า Underwood Memorial Library ครับ ห้องสมุดนี้บอกเลยว่าทันสมัยมากๆ มีหลายโซนที่ให้ได้ใช้เวลาอยู่กับการเรียนและการทำงานอย่างเต็มที่ครับ มี มุม Creative Talks ที่จะเปิดวิดิโอความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ โซน Information Commons ที่มีคอมพิวเตอร์และแมคอินทอช ! ให้ได้ไว้ทำงานกันด้วย
มุมที่สบายที่สุด ที่คิดว่าเหมาะกับการอ่านหนังสือ เฟรมคิดว่ามุมนี้ครับ 555
เจ้าเบาะนอนอ่านหนังสือนี้ มีชื่อเก๋ๆเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Pensée (พองเซ่) แปลว่า ความคิด ถ้าให้อ่านใจคนตั้งชื่อ ที่ตั้งแบบนี้ก็เพราะว่าเบาะนี้นี่หลับสบาย ถ้าคิดจะมาอ่านหนังสือ คิดดีๆนะ…. หลับ! อะไรทำนองนั้นฮะ 5555 #ไม่เกี่ยว
อาหาร การกิน และสิ่งอำนวยความสะดวก
อาหาร การกินเริ่มจากใกล้ๆก่อน ในตัวมหาวิทยาลัยก็มีโรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่เมนูผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อย ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,500~3,500 วอน อาหารก็มีตั้งแต่อาหารเกาหลีไปจนถึงอาหารต่างชาติ (ที่ปรุงเป็นสไตล์เกาหลีอีกที), มีร้านกาแฟของมหาวิทยาลัย, ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด ที่มีไก่ ขนมปังขาย และร้านสะดวกซื้อเปิดตลอด 24 ชั่วโมงอยู่ที่ชั้นใต้ดินของหอพัก เรียกว่าออกมากินเมื่อไรก็ได้เลยทีเดียว อ้วน
ออกมานอกแคมปัสกันบ้างครับ…
ที่มหาวิทยาลัยมีรถชัตเติลบัสบริการฟรี นั่งออกไปยังบริเวณตัวเมือง ก็จะมีห้างสรรพสินค้า, โรงภาพยนตร์ อย่างห้าง Square one, ห้าง Homeplus และ Emart อยู่ ถ้าอยากจะใช้เวลาผ่อนคลาย ช็อปปิ้ง จับจ่ายซื้อของ ที่นี่เป็นอีกที่นึงที่รวมสารพัดแหล่งห้างสรรพสินค้าให้ได้จับจ่ายละลายเงินวอนครับ
ออกมาข้างนอกก็จะพบอีกว่า เมืองนี้เป็นเมืองใหม่เมืองหนึ่งที่ประชากรไม่พลุกพล่านเมืองในโซลครับ เมือง “ซงโด (Songdo)” ซึ่งใช้พื้นที่จากการถมทะเล เป็นเมืองที่รัฐบาลผลักดันให้เป็นเมืองแห่งเทคโนโลยี การใช้ชีวิตที่นี่จึงค่อนข้างสงบครับ เต็มไปด้วยตึกที่กำลังก่อสร้างใหม่มากมาย มีถนนส่วนสำหรับปั่นจักรยาน สวนสาธารณะที่ร่มรื่นอยู่หลายแห่ง สามารถนั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Campus Town ไปยังใจกลางเมืองโซล ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. และพิเศษสำหรับนักเรียนยอนเซนั้น ก็มีรถบัสของมหาวิทยาลัยไว้บริการ ตรงจาก International Campus ไปยังแคมปัสในโซล ใช้เวลาเพียง 1 ชม. (โดยเข้าไปจองรถบัสผ่านเว็บของมหาลัย) หรือยังสามารถใช้สิทธิ์นำบัตรนักเรียน ไปแลกคูปองขึ้นรถบัสสาธารณะ ใช้เป็นทางเลือกกรณีรถบัสของมหาวิทยาลัยเต็มได้อีกเช่นกัน
วิชาเรียน
พูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกไปแล้ว มาพูดถึงวิชาเรียนกันบ้างครับ ถ่อมาทำกิจกรรมกันถึงต่างจังหวัดแบบนี้ แน่นอนว่าก็ต้องมีอะไรพิเศษๆบ้าง
นักเรียนทุกคนจะต้องลงวิชาเรียนที่ชื่อว่า HE (Holistic Education) ซึ่งมี 3 หมวดหมู่ให้เลือกครับ
- HE 1 : เป็นกลุ่มวิชาด้านจิตอาสา มีวิชาที่น่าสนใจหลายวิชา เช่น Elementary and Middle School Students Mentoring (โครงการเป็นพี่เลี้ยงสอนนักเรียนอนุบาลและประถม อันนี้จะสำหรับคนเกาหลีครับ), Incheon Child Center / Hospital (ทำงานในศูนย์เลี้ยงเด็กที่อินชอน/โรงพยาบาล), Volunteering for Blind People (ช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา) สำหรับเฟรม มีโอกาสได้ลงวิชาที่ชื่อว่า Foreign Language Tutoring for Youths ครับ ซึ่งเป็นการสอนภาษาต่างประเทศให้กับนักเรียนประถมในแถบอินชอน ครั้งที่แล้วไปสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กเกาหลี ชั้นป.5 ในโรงเรียนประถมชินซง (신송초등학교)
นับว่าเป็นการสอนครั้งแรกของผมด้วยล่ะครับ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สอนเด็กเกาหลี คลาสวันแรกโคตรจะตื่นเต้นเลยครับ! จะพูดภาษาเกาหลีรู้เรื่องมั้ย คลาสจะล่มมั้ย นักเรียนจะตั้งใจเรียนมั้ย…เอาเป็นว่าตื่นเต้นมากครับ พอไปถึงที่โรงเรียนอาจารย์ที่โรงเรียนก็ดูแลดีมากครับ พาไปถึงที่ห้อง มีสมุดเช็คชื่อ บันทึกการเรียนการสอนว่าสอนอะไรกันไปบ้าง พวกเรามีคลาสกันทุกวันเสาร์ 10.00-12.00 น. ซึ่งต้องดำเนินการสอนไปเรื่อยๆให้ครบ 20 ชม. เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมนี้ มหาวิทยาลัยยังออกใบเกียรติบัตรจิตอาสาให้อีกด้วย แต่บอกเลยครับ ไม่มีอะไรดีไปกว่าได้มาสอนเด็กๆกลุ่มนี้ ที่น่ารัก ตั้งใจเรียน แล้วก็เก่งมากๆ พี่เฟรมคนนี้ต้องหาขนมมาเป็นรางวัลให้น้องกลุ่มนี้ทุกอาทิตย์เลย แถมหลังๆเริ่มมีการรีเควสด้วยว่าจะกินอะไร 555
- HE 2 : กลุ่มวิชาด้านความคิดสร้างสรรค์ เช่น Classical Guitar (กีต้าร์คลาสสิก), YIC Orchestra (ออเคสตรา), Music & Dance (ดูจาก syllabus จะได้เรียนหลายท่าเลย อารมณ์คงน่าจะเหมือนเรียนลีลาศ), Creative art (Oil Painting) วาดภาพสีน้ำมัน, 2-D Art foundations and Development (วาดภาพสองมิติ) พวกวิชาตระกูลวาดภาพนี้ จะมีการจัดนิทรรศกาลภาพวาดให้ด้วยครับ ใครที่หัวศิลป์ๆนี่ สายนี้ไม่ควรพลาดเลย สำหรับเฟรม เฟรมเลือกลงวิชาที่ชื่อว่า Photography and Creative Thinking ครับ เป็นวิชาที่สอนเทคนิคการถ่ายภาพ ตั้งแต่การเลือกซื้อกล้อง การปรับโฟกัส, ความเร็วชัตเตอร์ ฯลฯ ไปจนถึงจิตวิทยากับการถ่ายภาพว่าภาพแต่ละภาพของศิลปินในเกาหลี ถ่ายมาแล้วให้ความรู้สึกอย่างไร อันนี้เป็นอะไรที่ล้ำลึกมากครับ มีออกภาคสนามไปถ่ายรูปในสวนสาธารณะใกล้ๆม.กับอาจารย์ด้วย
- HE 3 : หมวดกีฬา ใครที่ชื่อชอบกีฬามีหลายอย่างให้ได้เลือกเลย ไม่ว่าจะเป็น บาสเกตบอล, วอลเล่ย์บอล, ฟุตซอล, ฟุตบอล, เบสบอล, เทนนิส, สควอช, ปิงปอง, เต้น, โยคะ, เทควอนโด ฯลฯ สำหรับเฟรมปีที่แล้วเค้าให้เลือกได้แค่ 2 รายการ จึงลงในหมวดของจิตอาสา และ ความคิดสร้างสรรค์ไปครับ
ใน 3 หมวดนี้ จะต้องจบ 2 หมวด ภายใน 1 ปีครับ วิชาเรียนเหล่านี้จะเปิดแค่เฉพาะแคมปัสนี้เท่านั้น การได้เรียนวิชาเหล่านี้รู้สึกทำให้เราค้นพบความชอบของตัวเอง พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ มีจิตอาสา เหมือนกับความตั้งใจของโครงการนี้ที่อยากให้มันเกิดขึ้นครับ
และนอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนซะทีเดียวครับ มหาวิทยาลัยก็มีการเชิญวิทยากรจากข้างนอกมาบรรยายเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งเฟรมก็มีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมอย่าง การบรรยายของช่างถ่ายภาพชาวต่างชาติคนนึงที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการถ่ายภาพยนตร์ ถ่ายภาพนิ่ง ซึ่งมาถ่ายทอดประสบการณ์การถ่ายรูปในเกาหลี, หรือจะเป็นการบรรเลงเพลงออเคสตราของนักเรียนในคณะดนตรี ที่มีช่วงก่อนสอบกลางภาคนี่ก็ผ่อนคลายดีเหมือนกันครับ กิจกรรมต่างๆเหล่านี้ก็จะมีติดตามบอร์ดของบ้านต่างๆ นักเรียนที่สนใจก็สามารถอ่านรายละเอียดและเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
ในปีแรกของการดำเนินกิจกรรม RC นี้ ใช้เวลาแค่เพียง 1 ภาคเรียนเท่านั้นครับ แต่ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมานี้ นักเรียนจะต้องไปทำกิจกรรมที่แคมปัสอินเตอร์นี้เป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งก็น่าจะเพียงพอกับการสร้างมิตรภาพใหม่ๆ กับเพื่อนชาวเกาหลี มีโอกาสได้พัฒนาศักยภาพของตนเอง เตรียมความพร้อมก่อนที่จะต้องย้ายถิ่นกลับมาเรียนต่อในแคมปัสที่โซลในปี 2 ครับ 1 ภาคเรียน ทำให้เฟรมมีโอกาสได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ได้ทำกิจกรรมมากมายหลายอย่าง ได้ท่องเที่ยวในเมืองอินชอน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการเรียน พูดแล้วก็อดถึง International Campus นี้ไม่ได้ครับ เพราะมันทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการเรียน!
ทิ้งท้ายไปด้วยบรรยากาศของแคมปัสในช่วงฤดูหนาวครับ ~
หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆที่สนใจจะเรียนต่อที่เกาหลีใต้ ในมหาวิทยาลัยยอนเซ เนื่องจากกิจกรรมของที่นี่เป็นที่แรกและที่เดียว จึงทำให้มหาวิทยาลัยยอนเซนี้ เป็นมากกว่ามหาวิทยาลัยที่ดำเนินการเรียนการสอนเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับผมที่นี่ทำให้เวลาของการอยู่เกาหลีนี้มีคุณค่ายิ่งขึ้นไปอีกครับ
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า สวัสดีครับ 😀