ผมเพิ่งเข้าสู่ปีที่ 5 ของการอยู่เกาหลี
เมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ
ผมว่าเลข 5 เป็นเลขที่ดูทรงพลังนะ มันดูเหมือนเยอะ แล้วก็ไม่เยอะในเวลาเดียวกัน… สมมติว่าผมเดินเล่นอยู่กับรุ่นน้อง แล้วจู่ๆไปเจอคนเกาหลีมาถามว่า “อยู่เกาหลีมากี่ปีแล้วล่ะ?” คนหนึ่งตอบ 4 ปี อีกคนตอบ 5 ปี คนถามนี่จะต้องคาดหวังอะไรกับคนที่อยู่มาแล้ว 5 ปีแน่นอน ต้องคิดว่าพูดเกาหลีได้ปร๋อแล้ว เที่ยวเกาหลีมาทั่วประเทศแล้ว คิดว่าเราเชี่ยวชาญไปทุกเรื่อง ทั้งๆที่จริงแล้วมันก็ต่างกันแค่ปีเดียว
ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่า 5 ปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผมเลย แน่นอนว่า มันมีเยอะ เยอะจนแทบไม่รู้จะเรียบเรียง จับต้นชนปลายยังไง เพราะตลอด 5 ปีที่เราได้ทุนมาเพื่อเรียนภาษา เรียนในคณะที่ตัวเองสนใจ นอกเหนือจากนี้คงเป็นวิชาการใช้ชีวิตที่ทั้งสนุก ทั้งเหนื่อย เหงา เศร้าปนกันไป … พอรู้ตัวอีกทีว่า 5 ปี สิ้นสุดตามที่ทุนให้มาเรียนแล้ว เราได้อะไรไปบ้าง ก็น่าจะเป็นข้อคิดที่ได้อยู่ที่นี่ที่ผมจะนำมาเล่าแบ่งเป็น 5 หัวข้อต่อไปนี้ครับ…
1. ต้องหูไวตาไว ไม่มีใครมาช่วยเหลือเราได้ทุกเรื่อง
เคยเป็นคนตกข่าวอยู่บ่อยๆครับ ทำอะไรทุกอย่างเองคนเดียว มันจะมีบ่อยครั้งที่เราเผลอหลง เผลอลืม ชาวบ้านเขาทำอะไรกันกลับกลายเป็นว่าเราไม่รู้อยู่คนเดียว มาอยู่ที่นี่เลยต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคน หูไว ตาไว พยายามอัพเดตข่าวสารจากคนรอบข้าง หาข้อมูลเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องการเรียน เช่น พาสปอร์ต-วีซ่าจะหมดอายุ ต้องไปต่อ ต่อต้องไปต่อที่ไหน ใช้เงินยังไงเท่าไร เอกสารอะไร (เรื่องพวกนี้ปกติถ้าอยู่ที่บ้านเราก็ไม่ต้องทำ อยู่ต่างแดน ถ้าละเลย เลยวันก็โดนปรับระนาว) ต้องคอยไปต่อ หรือจะย้ายที่อยู่ ก็ต้องไปแจ้งเปลี่ยนที่อยู่ (ไม่งั้นโดนปรับอีก), จะสมัครหอพักก็ต้องไปตรวจสุขภาพ บลาบลาบลา มีข้อมูล กฏระเบียบอะไรให้เราต้องรู้ไปหมดครับ เรื่องที่เราเหมือนจะเมินๆพอผ่านไปได้ แต่ที่นี่บางเรื่องก็ละเลยไม่ได้จริงๆ
2. ทำสิ่งที่ตัวเองรักควบคู่กันไปเรื่อยๆ แล้วหาเวทีแสดงออก
งานอดิเรก เป็นอะไรที่เราชอบ เราทำแล้วมีความสุข พอเราทำอะไรที่มีความสุข มันทำได้ทุกวัน มันทำไปได้เรื่อยๆ จนลืมข้อจำกัดที่เรียกว่า “เวลา” มันมีประโยชน์มากของการมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในต่างแดนซึ่งมันต้องหาอะไรทำ ผมมีงานอดิเรกอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างหนึ่งคือการเขียนบล็อกตามสิ่งที่ผมสนใจ ผมก็เขียนไปเพราะความชอบและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เรียนเลยครับ ผมเรียนเทคโนโลยีชีวภาพ แต่อยากทำงานด้านโซเชียลมีเดียมาก เชื่อมั้ยครับว่า ผมเกือบไม่ได้วีซ่าทำงานที่เกาหลี เพราะว่าการจะขอวีซ่าได้ งานจะต้องเกี่ยวกับคณะที่เรียน ผมก็ต้องอาศัยเขียน CV อธิบายว่าผมมีประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์ยังไงบ้าง ซึ่งโชคดีที่สิ่งที่เราทำด้วยความชอบ อย่างเช่นการเขียนบล็อกที่ผมเขียนมาจะ 9 ปีแล้ว จะเป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ทำให้ผมมีโอกาสได้ทำงานที่เกาหลีครับ
ในหัวข้อผมเขียนไว้ว่าต้อง หาเวทีแสดงออก เราอาจจะเก่งหรือมีความถนัดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่แน่นอนว่าคนอื่นจะไม่มีทางรู้ถ้าเราไม่แสดงออกครับ หาช่องทาง หาเวทีที่เหมาะในการแสดงออก เดี๋ยวนี้มีช่องทางมากมายไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ยูทูป แสดงสิ่งที่เราสนใจ แสดงออกมาให้คนอื่นเห็นครับ ไม่แน่ต่อไปอาจจะมีคนทาบทาม หรือให้ไปทำงาน เป็นเรื่องเป็นราวก็ว่ากันไป ดังนั้นหากเรามีความชอบ มีงานอดิเรกที่ทำเป็นกิจลักษณะแล้ว ผมคิดว่าเราควรจะเผยแพร่ผลงานให้ทุกคนเห็นด้วย
3. ทำความรู้จักและสานสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้เยอะ
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม” (อริสโตเติลได้กล่าวเอาไว้) ใครตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวโดยไม่พึ่งพาใครในต่างแดน บอกเลยว่า ยากครับ พยายามออกไปเจอคนให้เยอะๆ รู้จักคนให้หลากหลายดีกว่า
ตอนเรียนภาษาผมมีร้านข้าวประจำอยู่ร้านหนึ่ง ผมก็ไปกินบ่อยๆ กินจนป้าจำได้ ป้าก็ชวนคุย สกิลการพูดส่วนหนึ่งที่นอกจากจะได้จากอาจารย์แล้ว ก็มีอาจุมม่า (ป้า) ร้านขายซุปซี่โครงหมูด้วยครับ 555
พูดถึงอาจารย์ ผมก็นึกได้ว่ามีโอกาสเข้าไปเยี่ยมอาจารย์ หลังจากที่ผมเข้ามหาวิทยาลัยแล้วครับ เราคิดเสมอว่า เราได้ภาษาเกาหลีก็เพราะว่าอาจารย์ เลยตีตั๋วไปเยี่ยมอาจารย์ที่ต่างจังหวัด เอาหนังสือรุ่นที่ผมเคยดีไซน์ให้ไปนั่งเปิดดูอาจารย์ก็ชวนคุยไปเรื่อยเลย ด้วยความดีใจ ชวนให้ผมมาเรียนต่อที่มหาลัยนี้บ้างล่ะ หยิบยื่นโอกาสต่างๆดีๆมาให้ตลอด คอยส่งข่าวเกี่ยวกับการเรียนมาให้ตลอด ผมเลยอยากจะบอกว่า ไม่ใช่ทำความรู้จักอย่างเดียว แต่ต้องสานสัมพันธ์ต่อด้วยครับ
และไม่ใช่แค่คนเกาหลี คนไทยกันเองก็ต้องทำความรู้จักไว้ด้วยครับ เพราะเพื่อนหรือรุ่นพี่ ก็จะคอยเป็นหูเป็นตา คอยเตือน เผื่อวันใดวันหนึ่งเราพลาดข่าวสารอะไรไป เวลาสถานทูตมีกิจกรรม หรือที่ไหนรับสมัครงาน ก็จะคอยช่วยเหลือ ส่งข่าวกันได้ ผมเชื่อว่าทุกคนต่างผ่านประสบการณ์มาไม่เหมือนกัน และก็คงไม่มีใครหวังให้เราลำบาก ดังนั้นควรจะหาโอกาส พูดคุยกับรุ่นพี่ เพื่อนๆ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอยู่เรื่อยๆครับ
ถือโอกาสขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆที่เฟรมเจอที่เกาหลีด้วยครับ 🙂
4. ออกจากคอมฟอร์ทโซน ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
ถ้าหากรู้สึกว่าออกจาก comfort zone ไม่ได้ มีเทคนิคอยู่อย่างหนึ่งคือ ให้ลองตามเพื่อน ใครชวนอะไรก็ทำตามเขาไปเลย มันจะทำให้เราเห็นโลกใบใหม่ๆเยอะขึ้น ตัวอย่างส่วนตัว ก็เป็นเรื่องที่เริ่มต้นทำงานเสริมจากการชวนของรุ่นน้อง ที่เคยเล่าไปในบล็อกตอนนี้ ก็ได้รู้ว่าเกาหลีมีงานอะไรทำมากมาย ทำให้เราเป็นคนขวนขวายมากขึ้น ได้ connection ใหม่ๆกับพี่เชฟ หรือแม้แต่การตัดสินใจไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว ก็เป็นที่มาของการเดินทางอีกหลายๆรอบถัดไป ที่เกาหลีมีกิจกรรม มีการประกวดอะไรให้ได้ทำมากมายสำหรับนักเรียนชาวต่างชาติ อาจจะลองเริ่มต้นหาประสบการณ์ใหม่จากกิจกรรมเหล่านี้ก่อนก็ได้
5. คิดว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ได้ทำความรู้จักตัวเอง
ใช้เวลาเพื่อเรียนรู้ว่าตัวเราเป็นคนแบบไหน มีจุดเด่นอะไร จุดด้อยอยู่ตรงไหน ต้องแก้ไขอะไรเพื่อจะอยู่ในสังคมได้แบบไม่มีปัญหา พยายามใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เอาเวลาไปทำในสิ่งที่อยากทำ เต็มที่กับมันให้ที่สุด แล้วเราจะได้เห็นคุณค่าของมันเอง
ส่งท้าย
อยากให้ชีวิตในต่างแดนราบรื่น ต้องฝึกคิดบวก มองโลกในแง่ดี เจอปัญหาอะไรต้องตั้งสติแล้วตั้งใจหาวิธีแก้ไขปัญหา + อยู่ต่างแดนต้องรู้จักขวนขวาย ตามหาโอกาส และสำคัญที่สุดอย่าลืม “หยิบยื่นโอกาสที่ตัวเองเคยได้รับ ให้กับคนอื่น” … เชื่อว่าเวลาเราหยิบยื่นโอกาสดีๆให้ใคร สักวันโอกาสดีๆเหล่านั้นจะกลับมาหาเราครับ
หวังว่าประสบการณ์ในเกาหลี 5 ปีของผมจะเป็นประโยชน์ พอแบ่งปันกันได้นะครับ
ไปคุยกันต่อได้ที่เพจ Framekung.com ครับ
เขียนบนไอโฟน บนรถไฟฟ้าสาย 2