มารู้จักกับ ทุนรัฐบาลเกาหลี (KGSP) กันเถอะ !

0
29383

สวัสดีทุกคนครับ ช่วงนี้ที่เกาหลีใต้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ช่วงนี้เฟรมก็เตรียมสอบวัดระดับภาษาเกาหลี เรียกว่ายุ่งมากๆจนลืมไปว่า นี่เข้าสู่ช่วงฤดูกาลของการสมัคร “ทุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี” แล้ว ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสได้คุยกับพี่ๆน้องๆ หลายคนที่สนใจเกี่ยวกับทุนนี้ครับ และเพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่กำลังเตรียมตัวสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี เฟรมจึงได้เรียบเรียงข้อมูลที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อการสมัครไว้ให้ครับ

 ทุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี  หรือว่า Korean Government Scholarship (KGSP)  ดำเนินงานภายใต้หน่วยงานที่ชื่อว่า NIIED หรือ National Institute For International Education ครับ ทุนนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี 1967 ที่บริหารงานโดยกระทรวงศึกษาธิการของเกาหลี จนถึงปี 1994 หลังจากนั้น NIIED ก็มาสานต่อ เริ่มมีการรับนักเรียนชาวต่างชาติ โดยมีทุนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีปริญญาโท ไปจนถึงปริญญาเอกเลยครับ โดยในที่นี้จะขอพูดถึงแต่  ทุนระดับปริญญาตรี  นะ

Korean Government Scholarship Scholars 2012
ผมและเพื่อนๆจากหลายชาติที่ได้รับทุนรัฐบาลเกาหลี

ข้อดีของทุนนี้

1. เป็นทุนเต็มจำนวน 

หมายความว่า เป็นทุนที่ให้เปล่าตั้งแต่ ค่าเรียนไปจนถึงค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยส่วนที่เขาจะจ่ายให้เรานั้น เป็นค่าเล่าเรียนทั้งหมด ตั้งแต่เรียนค่าเรียนภาษาในปีแรกจนถึงการเรียนในมหาวิทยาลัย, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เดือนละ 800,000 วอน (ประมาณ 22,000 บาท), ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ , ค่าตั้งถิ่นฐาน (ค่าใช้จ่ายจุกจิกตอนเข้ามา เป็นเงิน 200,000 วอน) และตอนที่เราจะกลับอีก 100,000 วอน รวมไปถึงประกันสุขภาพ ซึ่งมาคิดดูแล้ว ก็ถือว่าทุนนั้นได้ให้มาครบถ้วน และเป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเทียบกับการมาเรียนด้วยทุนตัวเองแล้ว ทุนนี้เจ๋งสุดๆไปเลยครับ แถมมีเงินกินขนมด้วย มาดูกับรายรับ-รายจ่าย ของตัวเองแล้ว ได้กิน ได้เที่ยว ได้ช็อปสบายๆครับผม

Korean Food
2. เต็มอิ่มกับประสบการณ์เกาหลีๆ

ต้องยอมรับว่าเกาหลีเป็นอีกประเทศนึงที่น่าอยู่ มีความปลอดภัย ทุกถนนหนทางเต็มไปด้วยกล้องวงจรปิดแทบจะทั้งหมด เรื่องเศรษฐกิจก็น่าจะเป็นที่รู้จักกัน บริษัทใหญ่ๆอย่าง Samsung, LG, Hyundai ฯลฯ ก็ให้การสนับสนุนเงินทุนพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ความเป็นอยู่ของคนที่นี่ ต้องบอกว่าดีมาก การเดินทาง คมนาคมสะดวกสบาย ครอบคลุมทั้งประเทศ เทคโนโลยีก็เป็นที่หนึ่ง เพราะเป็นที่หลายๆคนอาจจะทราบกันบ้างว่า อินเทอร์เน็ตที่นี่เร็วเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ด้านอุตสาหกรรมบันเทิงก็ไม่น้อยหน้า ขึ้นชื่อว่าเกาหลีก็ต้องพูดถึงเรื่องซีรีส์ ศิลปิน เพลงต่างๆ ก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศของเขาล่ะครับ หากได้ทุนนี้มาศึกษาต่อที่เกาหลี ก็จะทำให้ใครที่สนใจวัฒนธรรม เทคโนโลยี สังคม ความก้าวหน้าของประเทศนี้มากยิ่งขึ้น

3. ที่นี่ให้ความสำคัญกับการศึกษา

จะบอกว่าประเทศนี้ เขาเรียนกันโหดจริงๆ ค่ำๆดึกๆบางทีเดินไปที่ห้องสมุดก็จะเห็นคนมาจองที่นั่งอ่านหนังสือ ตามร้านกาแฟเต็มไปด้วยนักเรียนในช่วงฤดูสอบ (ร้านกาแฟบางแห่งก็เปิด 24 ชั่วโมง รองรับคนที่อ่านหนังสือโต้รุ่งด้วยแหละ!) และการแข่งขันสูง เพราะว่าแต่ละคนก็อยากได้มหาวิทยาลัยดีๆกันทั้งนั้น ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยที่นี่ มีผลกับคนเกาหลีมาก (คนเกาหลีบอกว่า หนุ่มสาวเกาหลี จีบกัน บางทียังถามมหาลัยเลยว่ามาจากไหน อันนี้ผมฟังจากป้าๆ อาจุมม่าเค้าเม้ามอยกันมาครับ)  เด็กม.ปลาย ก็จะเรียนกันหนักมากมีเรียนพิเศษกันจนค่ำ ไม่แพ้กันกับบ้านเราเลย…

ห้องสมุดในมหาวิทยาลัยยอนเซ แทบจะเต็มทุกที่ในช่วงเทศกาลใกล้สอบ

ชาวต่างชาติกับภาษาเกาหลี? ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่าภาษาเกาหลีไม่ได้ยากเท่าไหร่ เนื่องจากจำนวนตัวอักษรที่ให้ต้องจำมีน้อย ไม่มีระบบตัวอักษรภาพ (เหมือนภาษาญี่ปุ่น, ภาษาจีนกลาง) ทำให้รู้สึกไม่ยากเกินความสามารถที่จะเรียนรู้ได้ แถมที่นี่มีสื่อการเรียนครบครัน หนังสืออ่านเพิ่มเติม ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น กำลังจะบอกว่า ประเทศนี้ใส่ใจกับการเรียนการศึกษามากๆครับ ใครที่อยากลองศึกษาภาษาเกาหลีลองเริ่มต้นอ่านจากบล็อกในตอนนี้ก่อนก็ได้ครับ เริ่มต้นเรียนภาษาเกาหลี : รวมเว็บเรียนเกาหลีฟรีดีๆ 

3 ปีกับที่เกาหลี…

เมื่อปลายปี 2557 ทางหน่วยงานที่ให้ทุน (NIIED) ได้จัดแข่งขันประกวดวิดิโอ ในหัวข้อเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตในเกาหลีใต้ครับ ซึ่งผมเองก็ได้ทำวิดิโอส่งเข้าประกวด ในนี้ก็ได้รวบรวมเรื่องราวของเฟรม ตั้งแต่สมัยปีแรกๆ มาตั้งรกรากที่นี่ เรียนภาษาเกาหลี จนถึงเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ตลอดระยะเวลา 3 ปีวิดิโอนี้อาจจะทำให้หลายๆคน พอนึกออกบ้างล่ะครับว่า การเรียนการศึกษาที่เกาหลีด้วยทุนรัฐบาลเกาหลีนี้เป็นอย่างไร 3 ปีที่ผ่านมาได้ให้อะไรกับผมไว้บ้าง ไปติดตามชมกันได้เลยครับ (กดปุ่ม CC ผมได้ทำ subtitle ภาษาไทยไว้ให้แล้ว)

การรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี

การรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี สำหรับระดับชั้นปริญญาตรี จะเปิดรับสมัครในช่วง เดือนกันยายน ของทุกปีครับ ส่วนของปริญญาโท จะประมาณต้นๆปี (ช่วงเดือน ม.ค.~ก.พ.) การรับสมัครจะแยกกันนะครับอย่าสับสน โดยเฉพาะของป.โท-ป.เอก จะสามารถสมัครผ่านสถานทูตก็ได้ หรือมหาวิทยาลัยโดยตรงก็ได้อันนี้จะแตกต่างกับ ป.ตรีอย่างชัดเจน ตรงที่ว่า ป.ตรีจะสามารถสมัครผ่านสถานทูตได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ (แต่ในปีหลังๆเห็นว่ามีรับนักเรียนผ่านมหาวิทยาลัยโดยตรงด้วย ติดตามรายละเอียดในใบสมัครอีกครั้งนะครับ)

สำหรับในประเทศไทย รูปแบบการคัดเลือกแทบจะเปลี่ยนไปทุกปี อยากให้ยึดรายละเอียดของใบสมัครในปีนั้นๆเป็นหลัก สำหรับในปีของเฟรม (ค.ศ.2012) นั้น สถานทูตเกาหลีได้มอบหมายให้ สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นผู้คัดเลือกนักเรียน จากการตรวจเอกสาร และดำเนินการสัมภาษณ์ครับ

เอกสารของเฟรมที่สมัครทุนรัฐบาลเกาหลีครับ
เอกสารของเฟรมที่สมัครทุนรัฐบาลเกาหลี

ในการรับสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี ประจำปี 2556 และ 2557 นั้น จะเป็นการส่งเอกสารโดยตรงไปที่ สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย โดยตรง ซึ่งขั้นตอนนั้น อาจจะแตกต่างกันสักเล็กน้อยหากเทียบกับ
ปีของเฟรม แต่การดำเนินการหลักๆก็คงไม่พ้นดังนี้ครับ

1. ไปดาวน์โหลดเอกสารแบบฟอร์ม และข้อมูลมหาวิทยาลัยและ คณะต่างๆ ได้จากเว็บไซต์ Study in Korea ตรงส่วน Notice จะมีคำว่า 2014 Korean Government Scholarship Program for International Students for an Undergraduate Degree อยู่ครับในนั้นจะมีเอกสารหลายๆอย่าง อยากให้ลองอ่านก่อนนะครับ เพราะว่าข้อมูลค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์กรอกเสร็จแล้วก็ส่งไปตามที่อยู่ในสถานทูตเกาหลีในประเทศไทยเลยครับ

ที่อยู่สถานเอกอัครราชทูตเกาหลีประจำประเทศไทย 
“23 ถนนเทียมร่วมมิตร รัชดาภิเษกห้วยขวาง กรุงเทพ 10320″ 

2. สถานทูตดำเนินการคัดเลือก โดยการคัดเอกสาร พิจารณาคุณสมบัติจากใบสมัครที่ได้ส่งมาคัดเหลือประมาณ 10 คน เข้ามาสัมภาษณ์ที่สถานทูตครับ

3. ประกาศผลผู้ที่ผ่านสัมภาษณ์ เมื่อผ่านแล้วก็ให้เตรียมเอกสารอื่นๆไว้รอ ตามที่ระบุไว้ในใบสมัครครับ เช่น ผลการตรวจสุขภาพ (ตรวจและรับรองจากโรงพยาบาล), สำเนา Passport ของเราและผู้ปกครอง

4. สถานทูตฯ ส่งรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกไปยังหน่วยงานที่ให้ทุน (NIIED) ที่เกาหลี

5. NIIED ประกาศผลผู้ผ่านคัดเลือก และส่งเอกสารของเราไปยังมหาวิทยาลัยที่เลือกไว้

6. มหาวิทยาลัยตอบรับเอกสาร หากผ่าน (ซึ่งเค้าส่งมาทางอีเมลว่าเราผ่านครับ) ก็ส่งจดหมาย ยืนยันมหาวิทยาลัย ที่ต้องการจะศึกษาครับ (กรณีผ่านมากกว่า 1 มหาวิทยาลัยก็มีสิทธิ์เลือกได้ อารมณ์เหมือนเลือกไปอยู่กับโค้ชไหนก็ได้ใน The Voice)

7. NIIED ประกาศผลอย่างเป็นทางการ (ประมาณต้นเดือน มกราคม) ก่อนที่จะส่งรายละเอียดให้เราต่อไปครับ และนี้ก็เป็นขั้นตอนการดำเนินการคร่าวๆครับ ได้เดินทางจริงๆ ก็ประมาณปลายๆเดือน ก.พ.

สรุปเป็นตารางได้ดังนี้ครับ…

schedule-scholarship

การเตรียมตัวสมัครทุนรัฐบาลเกาหลี

การเตรียมตัวนั้น เฟรมคิดว่าคงเป็นเรื่อง  เอกสารที่ควรจะชัดเจน สมบูรณ์  เราต้องเข้าใจว่า กรรมการคัดเลือกจากเอกสารเท่านั้นครับ ดังนั้น หากเราสามารถบ่งบอกความเป็นตัวเรา ความตั้งใจของเราความสามารถพิเศษที่ทำให้เราโดดเด่น แตกต่างจากคนอื่นๆ ประเด็นสำคัญต่างๆเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมีเหตุผล มีหลักการ ก็จะทำให้มีโอกาสเข้าตากรรมการได้บ้างล่ะครับ

ในส่วนเอกสารของเฟรม เฟรมคิดว่าเพราะประสบการณ์ในการแข่งขันตลอดช่วงมัธยม เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาของกรรมการด้วยครับ เพราะเราเป็นคนที่ชื่นชอบทำกิจกรรม ส่วนนี้เฟรมคิดว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้โปรไฟล์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป รวมไปถึงการแสดงความพร้อมของตัวเรา ที่ทำให้กรรมการเห็นความตั้งใจ คือการเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน แม้ว่าจะมีส่วนในการตัดสินน้อยมากๆ ถึงไม่มีเลยแต่ส่วนตัวคิดว่าเป็นสิ่งนึงที่เพิ่มความน่าเชื่อถือ หากมีโอกาสได้ผ่านเข้ารอบไปในรอบสัมภาษณ์ การเตรียมแฟ้มสะสมผลงานเพื่ออ้างอิงถึงกิจกรรมที่เคยทำมา (กรณีที่เป็นนักกิจกรรมอย่างผม) ก็จะให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือในการสัมภาษณ์มากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากเพิ่มเติม คือ “ความเป็นตัวเรา ความเป็นธรรมชาติของเรานั้นสำคัญที่สุด” ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือไม่เวอร์จนเกินไป ของแบบนี้ ถ้าเป็นกรรมการก็คงจะมองออกครับ ดังนั้น แสดงความจริงใจที่สุด ของเราออกมา จำได้ว่า วันสัมภาษณ์ กรรมการถามคำถามว่า พูดภาษาเกาหลีได้มั้ย ก็ตอบไปตรงๆครับว่า “ไม่ได้จะได้ก็แต่  อันนยองฮาเซโย คัมซาฮัมนิดา …ซารางเฮโย (ต้องทำมือรูปหัวใจด้วยนะ 555)” ทำกรรมการวันนั้นฮากันทั้งห้องเหมือนกัน…

บรรยากาศของการเดินทางไปสัมภาษณ์

ตอนนั้นจำได้ว่ารู้จักข่าวทุนรัฐบาลเกาหลี จากหนังสือเรียนต่อเกาหลี สุดโหด แต่(โคตร)สนุก ครับ ว่ามีทุนรัฐบาลเกาหลีสำหรับนักเรียนปริญญาตรี แต่ก็ไม่รู้วันเวลาที่แน่ชัด ก็เลยได้แต่รู้ๆไป จนทราบจากเพื่อนอีกทีว่าตอนนี้กำหนดการออกมาแล้ว ก็เลยส่งเอกสารไป ….

ความยากของทุนนี้ อาจจะเป็นการที่ต้องเตรียมเอกสาร เพราะเอกสารที่เค้าต้องการนั้นก็ค่อนข้างใช้เวลาในการกรอก ไม่ว่าจะเป็น จดหมายแนะนำตัวเอง (ที่ต้องเขียนเรียงความ แสดงความเป็นตัวเราออกมา) หรือ การเขียน Study plan (แผนการเรียน) ว่าเราจะมาเรียนยังไง ทำอะไรที่นี่ (มันเป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ต้องคิดดีๆ) จนถึงเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ จากคุณครู หรือคนที่เกี่ยวข้อง (Letter of recommendation) ฯลฯ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ช่วงนั้นจำได้ว่า เป็นช่วงเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในไทยด้วย และเป็นช่วงสอบปลายภาคของโรงเรียน ก่อนที่จะปิดเทอม ซึ่งหลายๆโรงเรียนในไทย จะเป็นแบบนั้น ดังนั้นการขอเอกสารต่างๆ จากโรงเรียน หากไม่รีบดำเนินการ ปิดเทอมไปก่อนก็จะเจอปัญหาครูไม่อยู่ ออกเอกสารไม่ได้ ซึ่งเฟรมก็ผ่านช่วงเวลาตอนนั้นมาอย่างหวุดหวิด เพราะเอกสารบางชิ้นก็เกือบทำให้ส่งไม่ทันเช่นกัน

ปัญหาที่บ้านไม่เข้าใจว่าเราจะสมัครนี่ก็มีเหมือนกันครับ ตอนแรกคุณแม่ก็ไม่คิดว่าเราอยากจะไปเรียนที่เกาหลี แล้วทำไมต้องเกาหลี? แล้วจะไปยังไง? แม้ว่าจะรู้ว่าจะลองสมัครทุนเกาหลีก็ตามก็ยังไม่อยากให้ไปเพราะการแข่งขันคงสูงมากๆ ถ้าไปเตรียมสอบมหาวิทยาลัยในไทยดีๆ ก็คงจะดีกว่าแม่คงคิดประมาณนั้นจนกระทั่งแม่คงได้ไปอ่านหนังสือเล่มนั้น ได้รู้ระบบการศึกษาในเกาหลีรู้ข้อดีของทุน ก็ถึงยอมๆให้เราไปสมัครครับ และยิ่งตอนประกาศผลว่าได้แล้ว ก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นครับตอนนั้นเฟรมดำเนินเอกสาร และเค้าก็ประกาศผลเร็วมากครับ เรียกว่าประกาศวันนั้น ไม่กี่วันถัดไปก็เรียกไปสัมภาษณ์ ก่อนที่วันถัดไปเลย ก็ประกาศผลซะแล้ว ต้องยอมรับว่าปีเฟรม ประกาศผลได้รวดเร็ว จนตั้งตัวไม่ทันจริงๆ

นึกถึงช่วงเวลานั้น วันที่ประกาศผลแล้วอีกไม่กี่วันต้องไปสัมภาษณ์นั้น ก็ได้เตรียมเอกสาร ทำแฟ้มสะสมผลงานอย่างหนักเลยครับ จำได้ว่า 3 วันก่อนหน้าวันสัมภาษณ์นั้น ไม่ได้หลับไม่ได้นอน นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพ แบกแฟ้มไป ~ (เด็กบ้านนอกก็งี้แหละนะ 555)

ภาพนี้จำได้ว่าถ่ายบนรถทัวร์… หลังจากทำแฟ้มเสร็จก็เอามานั่งเปิดดูไปดูมา เวลานั้นบอกได้เลยว่า แรงแทบไม่มี กะว่าจะได้หลับบนรถทัวร์แต่ก็หลับไม่ลง 🙁 มันตื่นเต้น 5555

ไปถึงสถานที่สัมภาษณ์ก็มึนๆ เพราะนอนไม่พอปวดหัว แถมไปเจอความกดดันจากเพื่อนๆที่ผ่านคัดเลือกมา ก็มาจากโรงเรียนที่เรารู้จักทั้งนั้น บางคนอาจจะพูดเกาหลีได้ เราก็ไม่รู้ แต่เราพูดไม่ได้ แถมยังเป็นการสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษครั้งแรกๆ ในชีวิตประหม่าครับ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันคุ้มค่ามากๆ กับสิ่งที่เราตั้งใจทำตลอด 3 วันก่อน และหลายๆปีที่ผ่านมาที่ชีวิตของเรา เต็มไปด้วยเรื่องราวของการแข่งขัน ประสบการณ์ต่างๆ ก็ขอบพระคุณบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำให้มีโอกาสมาเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตที่เกาหลีครับ

หลังจากสัมภาษณ์ วันต่อมาก็ประกาศผลเลย และภาพนี้ก็คือภาพที่เห็นวันนั้น…
หนึ่งวันที่ประทับใจ ที่ได้กล่าวอำลาสถาบัน พร้อมกับร้องเพลงโรงเรียนไปพร้อมๆกันกับรุ่นน้อง และเพื่อนๆทุกคน
ท่านผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณครูที่เป็นกำลังใจ และยังอำนวยความสะดวกให้กับผม ครอบครัว และเพื่อนๆ ได้มาส่งเฟรมที่สนามบินด้วย

เรื่องเล่าจากห้องสัมภาษณ์

ก่อนสัมภาษณ์

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นครับว่า เนื่องจากเตรียมแฟ้มสะสมผลงาน ไม่ได้นอนหลายวัน ทำให้วันนั้นทันทีที่ถึงห้องประชุม มล.มานิจ ประชุมสาย ก็เห็นเพื่อนๆ ที่มานั่งรอกันอยู่หน้าห้อง แทบจะครบหมดแล้วก็ตื่นๆ อยู่เหมือนกันครับ ลำดับคิวของเราก็กลางๆ ทำให้ไม่เร็ว ไม่ช้า ใช้เวลาคนละประมาณ 5~10 นาทีเมื่อเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ก็เจอกรรมการทั้งหมดประมาณ 4 คน (ถ้าจำไม่ผิด) ซึ่งประกอบไปด้วยกรรมการทั้งชาวไทย ชาวเกาหลี และชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษครับ โดยกรรมการก็จะให้เรานั่งและซักถาม (ใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาเกาหลี) บรรยากาศก็เป็นไป ไม่ตึงเครียด ไม่กดดันครับ….

คำถามวันสัมภาษณ์

ผมรวบรวมคำถามที่น่าสนใจเอาไว้ ลองตอบดูนะครับ จริงๆแล้วแค่อยากเสนอเป็นแนวทาง ถามว่ามันจะเหมือนกันมั้ย มันก็คงไม่เหมือนนะครับ (อย่าคาดหวังๆๆ)
1. แนะนำตัวเองแบบสั้นๆ (ที่ไหนก็ต้องเจออยู่แล้ว)
2. ทำไมถึงสนใจอยากจะมาเรียนที่เกาหลี ?
3. เคยมาเกาหลีมั้ย ? ถ้าเคยแล้ว ชอบอะไรในเกาหลี ?
4. พูดภาษาเกาหลีได้มั้ย ?
5. จากเอกสาร เห็นว่าจะมาเรียนคณะนี้ ตั้งใจว่าจะไปทำอะไร แล้วในประเทศไทยนั้น เป็นยังไง (ผมบอกว่าอยากเรียน Biotechnology ครับ แล้วเค้าก็ถามว่า ในบ้านเรา Biotechnology เป็นยังไงเอาง่ายๆก็คือ คุณจะเรียนอะไร ก็ควรจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสาขานั้นๆ ทำการบ้านให้ดีๆว่าเรียนอะไร จบไปจะทำอะไร หน่วยงานไหน ถ้าเกิดสามารถระบุเจาะจงไปได้ ก็เหมือนกับว่ามันเป็นรูปธรรม จริงมั้ยครับ?)

คำถามที่โดนถามบ่อยๆ (FAQ)

Q : ทุนนี้เอกสารต้องกรอกเป็นภาษาอะไร?
เอกสารทุกอย่างต้องเอามาแปลหมดเลยมั้ย ?

A: เป็นภาษาอังกฤษ หรือ เกาหลีครับ แปลทุกอย่างเลยครับ ส่วนเอกสารเกี่ยวกับวิชาการของที่โรงเรียนส่วนใหญ่เค้ามีฟอร์มอยู่แล้วครับ ไปบอกห้องทะเบียนที่รร.ให้เค้าดำเนินการให้ได้ครับ

Q: ซิ่วแล้วมาสอบได้มั้ย ทุนนี้ ?
A : ได้ครับ เขาจำกัดแค่ว่า อายุต้องไม่เกิน 25 ปี และมีเอกสารจบจากสถาบันการศึกษาภายในเวลาที่เค้าเขียนไว้ในใบสมัคร ขอแค่ยังไม่จบป.ตรีก็พอ ถ้าจบป.ตรี ก็ให้ไปดูของทุนป.โท นะครับ อ้อเรื่อง เกรดเฉลี่ยต้องมากกว่า 2.64 ขึ้นไป….

Q: ต้องมีผลการสอบภาษาเกาหลี หรือ ภาษาอังกฤษมั้ย ? ต้องรู้ภาษาเกาหลีมาก่อนหรือเปล่า?
A: ใบผลการสอบภาษานั้น ไม่จำเป็นครับ แต่หากมีเค้าก็อาจจะพิจารณาเป็นพิเศษ ความรู้ภาษาเกาหลี ไม่มีความรู้มาก่อนก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะเค้าให้เราเรียนปรับพื้นฐานปีนึงเต็มๆอยู่แล้ว

Q: เอกสารบอกว่า ต้องส่งเอกาสารจบม.ปลายด้วย นี่ยังเดือน ต.ค. อยู่เลย จะส่งไปได้ยังไง ?
A: ต้องให้รร.ออกเอกสารที่เรียกว่า “คาดว่าน่าจะจบ” ให้ครับ ภายในเอกสารก็ต้องระบุไว้ด้วยว่าเราคาดว่าจะจบภายในเดือนนี้ วันที่เท่านี้ (เอกสารนี้ ถ้าเกิดฝ่ายทะเบียนไม่เข้าใจ ก็ยากอยู่เหมือนกันเพราะว่าตอนที่ไปทำเอกสารนี้ อ.ก็บอกกับเราว่า จะไปมั่นใจได้ไง ว่าเธอจะจบภายในเดือนนี้ๆๆๆต้องคุยกับอาจารย์ดีๆนะครับ 😀 ) ปล. เอกสารนี้เป็นภาษาอังกฤษ

Q: การเลือกมหาวิทยาลัย และคณะต่างๆ จะเลือกยังไง ?
A: ถ้าเข้าไปในเว็บไซต์ Study in Korea (ที่เดียวกันกับดาวน์โหลดใบสมัคร) ก็จะมีรายชื่อ ของมหาวิทยาลัยที่สมัครได้ และคณะครับ ซึ่งคณะที่ไม่ได้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคณะที่ใช้เวลาเรียนนาน เช่น หมอ, สถาปัตย์ฯ ฯลฯ การเลือกนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับความชอบ ว่าอยากจะเรียนอะไร ถ้าเอาเป็นเรื่องชื่อเสียง คนเกาหลีก็ต้องยกให้มหาวิทยาลัย ในกลุ่ม SKY (S = Seoul National Univ. , K= Korea Univ. , Y = Yonsei Univ.) ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัย ถ้าเอาจริงๆแล้ว เค้าจะมีความถนัดในการสอนที่แตกต่างกัน อันนี้อยากให้ทำการบ้านให้ดีๆครับผม

Q: เงินเดือน ค่าใช้จ่ายต่างๆที่ได้ เพียงพอหรือเปล่า?
A: บอกตรงๆว่า เพียงพอ ครับ ในการใช้จ่ายพื้นฐาน ผมจึงแนบเป็นสรุปราคาค่าใช้จ่ายต่างๆในเกาหลี เทียบกับเงินเดือน 800,000 วอนให้ดูดังนี้ครับ ค่าหอพัก หากเป็นนักเรียนทุน ก็จะอยู่ราวๆเดือนละ 300,000-400,000 วอน หักจาก 800,000 วอน (ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยครับ)

ราคาสินค้าในเกาหลี
ตัวอย่างรายการค่าใช้จ่ายต่างๆในเกาหลี

ทิ้งท้ายเป็นภาพความทรงจำดีๆของผม ก่อนที่เดินทางมาที่เกาหลีครับ… (ปล.ไปอ่านบล็อกช่วงแรกที่มาเกาหลีได้ที่นี่) หวังว่าเรื่องราวของผม จะส่วนหนึ่งของเป็นกำลังใจ ให้กับทุกคนที่อยากจะมาสัมผัสของการเป็น นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีที่นี่ มารู้จักเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลก มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมกัน มาพัฒนาภาษาเกาหลี มาเรียนรู้จักวัฒนธรรมเกาหลี และสัมผัสประสบการณ์การเป็นนักเรียนต่างประเทศครับ

เพื่อนๆมาส่ง….มาอยู่นี่คิดถึงเพื่อนกลุ่มนี้มาก…

กำลังใจจากทางโรงเรียนที่ให้การสนับสนุน และสุดท้ายก็คงเป็นความอบอุ่นจากที่บ้าน…

เฟรมขอแสดงความยินดีกับว่าที่นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีล่วงหน้าเช่นเดียวกันครับ ยิ่งได้นึกถึง
บรรยากาศของปีตัวเองแล้ว เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดี น้องๆที่เตรียมตัวในปีนี้ ขอให้ทำให้เต็มที่
และหวังว่าจะได้เจอกันที่เกาหลีนะครับ 😀

เตรียมข้อมูลเพิ่ม!