FAQ (คำถามที่พบบ่อย)
1. สมัครเองหรือสมัครผ่านเอเจนซี่คะ? เอเจนซี่เจ้าไหนดี?
ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่าในบล็อก เราสมัครด้วยตัวเองทุกขั้นตอนค่ะ หลายคนกังวลว่าตัวเองไม่เคยสมัคร จะรอดรึเปล่า กลัวทำไม่ได้ เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ขอยืนยันมา ณ จุดนี้ ว่าไม่ยากอย่างที่คิด ตอนสมัครไม่ได้สนทนาภาษาอังกฤษตัวต่อตัว มีเวลาเยอะแยะ เปิดดิค+กูเกิ้ลได้ค่ะ เราก็ทำ 55 (แปลไม่ออกมาถามได้เลย ^^) ส่วนตัวจีมินไม่เคยใช้เอเจนซี่ ดังนั้น ไม่สามารถแนะนำได้ว่าเจ้าไหนดี ขอโทษด้วยค่า -/|\-
สมัครเอง
ข้อดี – แน่นอนว่าเราได้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด รู้ว่าตอนนี้ถึงไหนแล้ว ต้องทำอะไรต่อ ไม่เสียเงินค่าเอเจนซี่ หากมีคำถามหรือข้อสงสัย สามารถส่งอีเมลไปถามเจ้าหน้าที่ของสถาบันได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะไม่ตอบกลับถ้าแกรมม่าไม่เราเป๊ะ ไม่มีแบบนั้นแน่นอนค่ะ เพราะงั้นอย่าไปเกร็ง 😉 เค้าแค่อาจจะตอบช้าถ้าช่วงนั้นยุ่ง มีคนสมัครเยอะ แนะนำให้รีบสมัคร และส่งอีเมลทันทีหากมีคำถาม เผื่อเวลารอเค้าตอบด้วย
ข้อเสีย – ต้องคอยมาเช็คบ่อย ๆ ตอนนั้นเราล็อคอินเข้าไปเช็คทุกวัน วันละหลายรอบ รอว่าเมื่อไหร่เค้าจะตอบ โดยเฉพาะช่วงรอคอนเฟิร์มหลังจ่ายค่าเรียนนี่เช็คถี่มาก กลัวส่งเงินไม่ถึง เหมือนเป็นพวกวิตกจริต 55555
สมัครผ่านเอเจนซี่
ข้อดี – มีผู้มีประสบการณ์ดำเนินการให้ ไม่ต้องวุ่นวายมากนัก (แต่ต้องเลือกเอเจนซี่ดี เชื่อถือได้นะ)
ข้อเสีย – เสียเงินเพิ่ม ไม่สามารถล็อคอินระบบเข้าไปเช็คเองได้ เพราะเอเจนซี่เองเค้าก็กลัวว่าเราจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลข้างใน
สรุป ถ้าคิดว่าสมัครด้วยตัวเองได้ให้สมัครเองไปเลยค่ะ เราเขียนทุกอย่างที่ตัวเองทำตอนนั้นไว้หมดแล้ว คนอื่นอาจจะเหมือนหรือต่างกันก็ได้ แต่คิดว่าคงไม่ต่างกันมากค่ะ ประหยัดเงินในส่วนที่เราประหยัดได้ดีกว่า แต่ถ้ามีงบหรือผู้สนับสนุนจะจ้างเอเจนซี่ก็ไม่ว่ากัน <33 ซัพพอร์ตทุกคน ขอให้ได้ไปเรียนตามที่ฝันไว้นะคะ
2. มีเงินไม่ถึง ทำยังไงกับเอกสารรับรองการเงิน (bank statement) ดี?
หากเงินในบัญชีตัวเองมีไม่ถึง สามารถใช้ bank statement ของผู้ปกครองได้ค่ะ เค้าอาจขอเอกสารรับรอง (statement of financial sponsorship) เพิ่มเติมภายหลัง หลังจากขอ bank statement บางคนต้องรออีก 1-2 วันทำการ / แต่เราไปขอสาขาในมหาวิทยาลัย บอกเค้าว่าขอไปสมัครเรียน รอรับได้ทันทีเลย เย่!!!
3. ภาษาอังกฤษไม่เก่งจะเป็นไรมั้ย?
คำถามยอดฮิต หลังไมค์มาอย่างล้นหลาม ภาษาอังกฤษไม่เก่งไม่เป็นไรเลยค่ะ ในห้องเรียนใช้แต่ภาษาเกาหลี แต่นอกห้องเรียนก็อีกเรื่องนึงนะ 555 เอาเป็นว่าถ้าพอถามทางเวลาหลงได้ สั่งอาหารได้ ถือว่าพออยู่รอดในเกาหลีแล้ว เราจบเอกภาษาอังกฤษ แต่แทบไม่พูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนเลย บอกเพื่อนว่าคุยกับเราภาษาเกาหลีนะ เพื่อนก็โอเค จัดไป!
4. ต้องสอบวัดระดับเท่านั้นใช่มั้ยถึงจะเลือกกึบได้?
ใช่ค่ะ ถ้าไม่เคยเรียนที่สถาบันภาษาของซอกังมาก่อน ต้องสอบวัดระดับ ไม่งั้นจะได้เรียนระดับ 1 อย่างที่บอกไป ไม่ว่าจะเคยเรียนมาจากไหน นานแค่ไหน มาที่นี่ก็ต้องสอบค่ะ
5. ไปพักที่ไหนดี? ที่พักแพงมั้ย?
ขึ้นชื่อว่าเกาหลี จะบอกว่าไม่แพงก็คงโกหก แพงทั้งค่าที่อยู่และค่าครองชีพ ถ้ามีงบจำกัด ลองหาที่พักแบบโกชิวอน (고시원) หรือฮาซุกชิบ (하숙집) ดีขึ้นมาหน่อยก็วันรูม (원룸) ไปจนถึงออฟฟิศเทล (오피스텔) ราคาแปรผันกับโลเคชั่นและไซส์ของห้อง ค่าเช่าที่พักควรเตรียมไว้ซัก 400,000-500,000 วอน/เดือน (12,000 – 15,000 บาท) มีทั้งต้องจ่ายค่ามัดจำและไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำ ที่ไหนมัดจำถูก รายเดือนจะแพง และห้องไม่กว้างมาก มัดจำ (ถ้ามี) ก็อาจจะเริ่มต้นที่ 1 ล้านวอน (30,000 บาท) ไปจนถึง 10 ล้านวอน (300,000 บาท) เลยก็มี ! แต่เงินมัดจำเราจะได้คืนหลังจากที่หมดสัญญา ปัญหาคือ เราต้องออกตามระยะเวลาที่กำหนดและเรื่องเงินที่เราต้องสำรองจ่ายก่อนเยอะ ถ้ามีเงินก้อนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าไม่มีก็อาจจะต้องแก้โดยการยอมจ่ายรายเดือนแพงโดยไม่มีมัดจำ หรือยอมนอนห้องที่แคบ หรือไปหาอยู่แชร์กับรูมเมทคนอื่น
6. ใช้เงินเยอะมั้ย?
ค่าใช้จ่ายตอนสมัคร ใช้ตามที่บอกไปในรีวิวเลยค่ะ 🙂 แต่ที่ไม่ได้เขียนรวมค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพราะมันค่อนข้างปัจเจก ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ถ้าจะให้ตีเฉพาะค่ากินอยู่จะได้ไปบอกผู้ปกครองได้ก็คงเดือนละ 2 หมื่นบาท ใครเที่ยวเก่งก็เตรียมเงินมาเยอะ ๆ เลย ถ้าบางมื้อเกิดอยากกินปูหรือปลาไหล เงินก็จะไหลออกปรื้ด ๆๆๆ เหมือนปลาเลยจ้า เอาเป็นว่ามนุษย์เรามีความสามารถในการปรับตัว ไม่ต้องกลัวค่ะ
7. โลเคชั่นม.ซอกัง การเดินทางสะดวกมั้ย? ร้านอาหารหาง่ายรึเปล่า?
โอ้ว ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ซอกังตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยยอนเซและอีฮวา สถานที่ฮอตฮิตที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปกันบ่อย ๆ ดังนั้น ทุกอย่างกองอยู่แถวนี้เลยจ้า ร้านอาหาร ร้านเบียร์ ร้านหมูสามชั้น คาเฟ่ คาราโอเกะ ร้านเครื่องสำอาง ป้ายรถบัส สถานีรถไฟฟ้า (ชินชน Sinchon station) ฯลฯ เดินเท้าไปฮงแดยังไหว เริ่ด! แต่ในมหาวิทยาลัยซอกังนั้นเนินสูงเชียว ยิ่งวันไหนไปสายละต้องวิ่งนะ TT แม่จ๋า น่องปูด หอบหนักมาก
8. ได้เกียรติบัตรวันไหน?
ตอนแรกคิดว่าจะได้ขึ้นเวทีไปรับตอนพิธีปิด แต่ผิดค่ะ มีแค่นักเรียนกึบ 6 ที่ได้ขึ้นไปรับ ส่วนพวกเรากึบ 1 – 5 ต้องไปขอเกียรติบัตรเองที่ชั้น 7 หลังจากพิธีปิดวันสุดท้าย/ ส่วนตัวเราไม่ได้ไปเอา คิดว่าคงไม่ได้ใช้ แฮ่! – w-
9. บัญชีธนาคารจำเป็นต้องเปิดมั้ย? จะได้บัตรแบบไหน? สามารถทำ internet banking ได้มั้ย?
มาอยู่นานเป็นเดือนขนาดนี้แนะนำให้เปิดบัญชีค่ะ แล้วชีวิตจะสะดวกสบายขึ้นเยอะ เกาหลีใต้เป็นประเทศ cashless คนไม่ค่อยพกเงินสดกัน ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ค่าโดยสารอะไรก็รูดบัตรหมด เวลาไปกินข้าวกับเพื่อนจะหารสอง หารสามสี่ห้า หรือจ่ายไม่เท่ากันยังไงก็บอกเค้าเลย จ่ายแยกด้วยบัตรได้ แต่มีเงินสดติดตัวไว้บ้างก็ดีค่ะ ร้านข้างทาง ตลาดสด หรือร้านเสื้อผ้าบางที่รับเฉพาะเงินสด มีเคสปลายปีที่แล้ว เกิดเหตุสัญญาณโทรศัพท์ KT ใช้การไม่ได้ ร้านค้าส่วนใหญ่ใช้เครื่องรูดบัตรไม่ได้ คนที่พกเฉพาะบัตรลำบากเลย [อ่าน]
ส่วนสมัครแล้วจะได้บัตรแบบไหนนั้น แล้วแต่ดุลยพินิจของคุณพี่พนักงาน บางคนอยู่ไม่ถึง 3 เดือนได้บัตรแบบนึง อยู่เกิน 3 เดือนได้อีกแบบนึง อยู่เกิน 6 เดือนได้อีกแบบนึง หรือไปสมัครวันเดียวกับเพื่อน ได้คนละบัตรก็มี = w=’’ ประกอบกับธนาคารมีการออกบัตรรุ่นใหม่อยู่เรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าจะให้ตอบว่าจะได้บัตรอะไรนั้นคงเป็นเรื่องยากค่ะ
หลังจากธนาคารนัดมารับบัตรแล้วจะให้เราโหลดแอพ Woori Global Banking ไว้ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ด้วย แนะนำว่าให้จดไอดีกับรหัสดี ๆ เราลืมไปสองรอบแล้วจ้า ล่าสุดเข้าไม่ได้แล้วจ้า 55555555555 อยากใช้ใหม่คงต้องบินกลับเกาหลีไปธนาคารอีกรอบ

10. จะรู้ได้ยังไงว่าสถาบันตรวจสอบข้อมูลหรือเอกสารเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว
สถาบันจะส่งอีเมลมาบอก หรือในหน้า My Page สามารถกดเลือกไปขั้นตอนต่อไปได้
11. จำเป็นต้องใช้สูติบัตรในการสมัครเรียนไหม
ใบสูติบัตรอยู่ในหมวด additional document ค่ะ ซึ่งเอกสารที่สถาบันขอให้ผู้สมัครแต่ละคนส่งจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเทศนั้นๆ ต้องรอเค้าส่งอีเมล์มาบอกอีกที ถ้าในอีเมล์มีแสดงว่าจำเป็นค่ะ
12. จบภาษาจบแล้วแล้วสามารถทำงานต่อที่เกาหลีได้ไหม
จากข้อมูลปัจจุบัน (ปีพ.ศ.2563) ยังไม่มีสิทธิพิเศษเกี่ยวกับวีซ่าสำหรับผู้ที่เรียนภาษาโดยตรง หมายถึง เรียนภาษาที่เกาหลีจบแล้วไม่สามารถยื่นวีซ่าเพื่อที่จะขอทำงานต่อได้ทันทีค่ะ
ผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในมหาวิทยาลัยเกาหลีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ขอยื่นวีซ่า D-10 (วีซ่าสำหรับการหางานในเกาหลี) ได้
แต่ในทางอ้อม หากเราเรียนภาษาจบแล้ว มีความรู้และทักษะภาษาเกาหลีที่เพียงพอก็อาจจะลองสอบวัดระดับความสามารถภาษาเกาหลี (TOPIK) ไว้เพื่อยื่นสมัครทำงานผ่านบริษัทที่สนใจในเกาหลีได้ค่ะ แต่ในกรณีนี้ก็จะมีข้อจำกัดอยู่ค่อนข้างเยอะ ต้องเป็นบริษัทที่มีขนาดกลางถึงใหญ่ที่ไม่มีข้อจำกัดในการว่าจ้างชาวต่างชาติเข้าไปทำงาน และตัวผู้สมัครก็จะต้องมีประสบการณ์ทำงานในประเทศในสายที่เกี่ยวข้องกับงานที่จะทำในเกาหลีอย่างน้อย 5 ปี (1 ปี สำหรับผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญาตรีขึ้นไป และไม่จำกัดระยะเวลาทำงานสำหรับผู้ที่จบการศึกษาระดับป.โทขึ้นไป)
13. อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทำยังไง?
- ทิ้งข้อความไว้ด้านล่างนี้เลยค่ะ เผื่อคนอื่นมีคำถามเดียวกัน หรือ
- ส่งข้อความมาที่ Facebook Fanpage Framekung.com หรือ
- ส่งอีเมลสอบถามสถาบันโดยตรง [email protected]