Homeเรียนต่อเกาหลีเรียนภาษาเกาหลี เรียนภาษาเกาหลีที่ม.ซอกังแบบละเอียดยิบ (ตั้งแต่สอบวัดระดับจนถึงเรียนจบ)

[รีวิว] เรียนภาษาเกาหลีที่ม.ซอกังแบบละเอียดยิบ (ตั้งแต่สอบวัดระดับจนถึงเรียนจบ)

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยซอกัง​ เทอมฤดูใบไม้ผลิ ปี 2564 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในเกาหลี ยังไม่คลี่คลาย ทำให้สถาบันดำเนินการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ สำหรับผู้ที่มีความประสงค์จะเดินทางมาเรียนภาษาต่อที่ประเทศเกาหลีในต้นปีหน้า (พ.ศ.2564) ทางมหาวิทยาลัยซอกังได้ส่งอีเมลแจ้งถึงหนังเรียนปัจจุบันว่า “เนื่องจากสถาบันดำเนินการเรียนการสอนออนไลน์​ ผู้ที่มีความประสงค์จะเรียนภาษาระยะยาวที่ประเทศเกาหลีและขอทำเรื่องขอวีซ่าเรียนภาษานั้น ทางมหาวิทยาลัย ไม่สามารถออกวีซ่า D-4 (วีซ่านักเรียนภาษา) ให้ได้เป็นการชั่วคราวค่ะ” หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูลและวางแผนจะมาเรียนภาษาที่เกาหลีใต้ในช่วงนี้นะคะ

สวัสดีค่าาา ^o^// หลังจากที่เราพูดถึงการสมัครเรียนที่สถาบันภาษาของม.ซอกังไปใน ตอนที่แล้ว วันนี้ จีมินจะมาเขียนเล่าประสบการณ์ตั้งแต่การสอบวัดระดับ วันปฐมนิเทศ วันเปิดเทอม ไปจนถึงวันสุดท้ายที่ได้เรียนที่ซอกังให้ทุกคนอ่านกันค่ะ ใครที่อยากเรียนที่ซอกัง หรือยังไม่แน่ใจว่า เอ… เราจะสมัครดีมั้ย หรือคนที่เพิ่งสมัครไปแล้วอยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ตามมากันเลยยย //

สอบวัดระดับ + วันปฐมนิเทศ

เพื่อนๆ คนไหนที่มีพื้นฐานภาษาเกาหลีมาก่อนแล้ว สามารถเลือกสอบวัดระดับ (Placement test) เพื่อเลื่อนไประดับอื่นได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเวลามานั่งเริ่มต้นใหม่หมด แต่อย่าลืมว่าตอนสมัครต้องเลือกว่าจะไป Placement test ด้วยนะคะ การไปสอบไม่ได้หมายความว่าจะรอดจากระดับ 1 แน่นอน เพื่อนจีมินอ่านเขียนตัวอักษรเกาหลีได้ เวลาไปร้านอาหารพอพูดประโยคพื้นฐานได้ยังต้องเรียนระดับ 1 เลย T^T’’ หรือใครที่เคยไปเรียนที่สถาบันอื่นมาก่อนแล้วย้ายมาซอกัง ระดับอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ได้ค่ะ

ส่วนคนที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย 0/10 แน่นอนว่าก็สามารถมาเรียนได้เช่นกัน ^^

ขอนอกเรื่อง.. มีนักเรียนญี่ปุ่นคนนึงมาเรียนที่ซอกังจนถึงระดับ 6 วันจบการศึกษาเค้าขึ้นไปพูดบนเวทีว่า ตัวเองเรียนซอกังมานานแล้วจนถึงระดับ 6 จนตอนนี้คุณแม่ตามมาเรียนด้วย อยู่ระดับ 1 งื้อออ น่ารักมากก <3

ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองจะได้เรียนระดับไหน พอจะทำได้มั้ยคะ?

พอได้ค่ะ แค่เดาเฉยๆนะ อาจจะไม่เป๊ะ โดยให้เราลองประเมิน 3 จุดก่อน ดังนี้ค่ะ

1.ทักษะการแต่งประโยค ดูจากความยาวเลยค่ะ ถ้าพูดได้แค่ประโยคสั้นๆ สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า ไม่เกินระดับ 2 ถ้าอยากอยู่ระดับที่สูงขึ้นมาหน่อย ในหนึ่งประโยคต้องลองใส่ไวยากรณ์หลายๆตัว

2. ไวยากรณ์ เปิด เว็บไซต์ของสถาบันสอนภาษาม.ซอกัง ไปหน้า Textbooks คลิกดูหนังสือแต่ละเล่ม จะมีไวยากรณ์บอกตรงหน้าสารบัญ ไล่ดูเลยค่ะว่ารู้จักถึงระดับไหน รู้จักนี่ไม่ได้หมายความว่าโอเค อ่านแล้วเข้าใจ แปลออก ไม่ใช่นะคะ ต้องเอามาพูดได้จริงๆ ง่ายๆเลย ลองแนะนำตัว แล้วพยายามแทรกไวยากรณ์นั้นเข้าไปในสคริปต์เรา ถ้าสามารถทำได้ก็สันนิษฐานได้ว่าน่าจะผ่าน

หนังสือเรียนภาษาเกาหลี มหาวิทยาลัยซอกัง Sogang Korean Textbook

3. การฟัง เข้าไปที่หน้า Textbooks เหมือนเดิม คลิกตรงแถบ   CD/mp3 download   แล้วดาวน์โหลดไฟล์เสียงไปลองฟังบทหลังๆดูค่ะ ถ้าฟังบทนั้นรู้เรื่อง ค่อยๆขยับไประดับต่อไป

ซีดีการฟัง หนังสือเรียนภาษาเกาหลี ม.ซอกัง Sogang

จีมินแนะนำว่าไม่ต้องเครียดอ่านหนังสือตะบี้ตะบันเพื่อเตรียมสอบมากนะคะ เราจะได้เรียนระดับที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ความสามารถของตัวเองที่มีอยู่ตอนนั้นจริงๆ ไม่ได้เพิ่งเตรียมมาสดๆ ร้อนๆ ;’)

วันสอบและสถานที่สอบวัดระดับภาษา

การสอบวัดระดับจะจัดขึ้น ก่อนเปิดภาคเรียนประมาณ 1 อาทิตย์ วันที่ให้ดูที่แจ้งในหน้าเว็บตอนที่สมัคร หรืออีเมลจากมหาลัยค่ะ สถานที่สอบคือ ตึก Arrupe (아루페관 – อารูเพ่กวาน) ของจริงจะเป็นสีส้มๆ แดงอิฐ

อาคารจัดสอบวัดระดับภาษาเกาหลี มหาวิทยาลัย Sogang

 

การเดินทางไปมหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University)

รถไฟใต้ดิน
ลงสถานี Sinchon (สาย 2) ออกประตูทางออก 6 แล้วเดินอีก 400 เมตร หรือ
ลงสถานี Sogang Univ. (สาย Gyeongui-Jungang) ออกประตูทางออก 2 แล้วเดินอีก 350 เมตร (แนะนำให้ลงสถานี Sinchon เพราะรถไฟมาถี่กว่า)

วิธีการเดินทางไปอาคารสอบ มีด้วยกัน 3 ทาง

1) ทางปกติ เข้ามาหน้ามหาลัย เดินผ่านห้องยาม ผ่านแผนผังมหาลัยใหญ่ๆ ขึ้นเนินข้างสนามเทนนิสไป เลี้ยวขวาผ่านโรงอาหาร ตึกจะอยู่ทางขวามือ สูงๆ ติดรั้วมอ หาเจอแน่นอน

2) ทางลัด เข้ามาจากหน้ามหาลัย ผ่านห้องยามเลี้ยวขวา เดินลัดด้านหลังสนามเทนนิส เป็นทางเท้าเล็กๆ ต่อไปจนถึงตัวตึกเลย หลายคนชอบไปทางนี้เพราะใกล้กว่า ไม่ต้องขึ้นเนินใหญ่ ฤดูฝนหรือฤดูหนาว กรุณาเดินด้วยความระมัดระวัง

3) เข้าทางธนาคาร Woori หรือประตูข้างๆที่เป็นร้านสะดวกซื้อ เข้าไปจะเป็นชั้น 1 ของตึก ต่างจากวิธีที่ 1 และ 2 ซึ่งเข้าไปแล้วเป็นชั้น 4 เลย

(ตึก Arrupe นี้เป็นตึกที่นักเรียนบางส่วนของสถาบันใช้เรียนตอนเปิดเทอมด้วยนะ จีมินเรียนตึกนี้แหละ แต่บางคนเรียนตึกข้างๆ)

สอบวัดระดับภาษาที่ม.ซอกัง สอบอะไรบ้าง?

สอบ 2 อย่างเท่านั้นค่ะ สอบเขียน และ สอบสัมภาษณ์  ไม่มีกากบาทใดๆ ใช้สกิลตัวเองล้วนๆ O.O

ก่อนเข้าห้องสอบ เจ้าหน้าที่จะขอให้เราแสดงพาสปอร์ตหรือบัตรอะไรก็ได้ที่ยืนยันตัวตนเราได้ แล้วเค้าก็จะเช็คในรายชื่อให้ว่าเราต้องไปสอบห้องไหน ดังนั้น อย่าลืมเอาพาสปอร์ตไปนะคะ ย้ำ! อย่าลืมพาสปอร์ต และควรไปก่อนเวลา เพราะ วิชาแรกที่สอบ คือ การเขียน ซึ่งใช้เวลาแค่ 30 นาที  ยิ่งสายเท่าไหร่ เวลาเขียนก็จะลดลงไปเรื่อยๆ

ก่อนถึงเวลาสอบ เจ้าหน้าที่จะเข้ามาอธิบายว่าเดี๋ยวเราจะเปิดหน้าจอให้ทุกคนดู ให้เลือกเขียนคำตอบจากโจทย์ที่ขึ้นให้บนจอมาข้อนึงลงในกระดาษที่แจกให้ เขียนเสร็จแล้วไปหาเจ้าหน้าที่อีกครั้ง เพื่อที่เค้าจะได้บอกเลขห้องสอบสัมภาษณ์ให้เรา

เริ่มสอบ เจ้าหน้าที่เดินมากดเปิดหน้าจอ บนหน้าจอมีโจทย์ 6 ข้อ เราเดาว่าจริงๆแล้วมันเรียงตามเลเวล มีบรรทัดให้เขียนครึ่งหน้า ไม่เยอะเลยค่ะ จำโจทย์ไม่ค่อยได้แล้ว แต่ข้อที่เลือกทำคือ “หนังเรื่องล่าสุดที่ดูไปคือเรื่องอะไร เนื้อเรื่องเป็นยังไง รู้สึกยังไง” ข้อยากๆก็ “ให้อธิบายลักษณะเฉพาะของคนเกาหลีที่เราสัมผัสมา” อะไรประมาณนี้้ สำหรับหลายคน ปัญหาคือ แปลโจทย์ออก แต่ไม่รู้จะเขียนอะไร หันไปดูคนทางซ้าย เฮ้ยคนนั้นเขียนแค่สองบรรทัด รู้สึกฮึกเหิม หันไปดูทางขวา ป๊าดดดด เขียนเต็มทุกบรรทัด ตะเตือนไต ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ เราเขียนตอบไปแค่ 4-5 บรรทัดเอง ยังได้ระดับ 3 เลย ส่วนตัวคิดว่า เกณฑ์หลักที่เค้าใช้ตัดสิน คือ การสอบสัมภาษณ์ อย่างที่รู้กันดีว่าที่นี่เน้นการสนทนา เพราะฉะนั้นคนที่เขียนเก่งแต่พูดไม่เก่งอาจถูกลดระดับได้ค่ะ

ถ้าเขียนเสร็จแล้วให้ออกมาข้างนอกได้เลย ไม่ต้องรอหมดเวลา แล้วเดินไปต่อแถวเข้าห้องริมสุด เจ้าหน้าที่จะบอกเราว่า ต้องไปตรงไหนต่อเพื่อสอบสัมภาษณ์ หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอหน้าห้องสอบได้เลย แต่ละห้องคนรอไม่เยอะค่ะ มีแค่คนสองคนเอง เพราะอาจารย์ที่มาสอบสัมภาษณ์มีเยอะ ใจก็จะเต้นตุ๊มๆต่อมๆหน่อย โชคดีที่ซอนแซงนิมใจดีมาก ช่วยให้หายกังวลไปเยอะเลย/ ถ้าเครียดมาก ลองหันไปชวนเพื่อนคนข้างๆคุยดูค่ะ เพื่อนคนแรกที่เราได้ที่เกาหลี คือ คนที่เจอหน้าห้องสอบนี่แหละ ^^ 

เดินเข้าห้องไปก็ทักทายซอนแซงนิมก่อน แล้วยื่นกระดาษที่เราเขียนไปเมื่อกี้ให้ ซอนแซงนิมจะสแกนคำตอบเราด้วยความไวสูง อย่าง professional อาจมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนไปบ้างนิดหน่อย หลังจากนั้น จะให้เราแนะนำตัวคร่าวๆ ถามคำถามสัพเพเหระ ครอบครัวบ้าง ก่อนหน้านี้เคยเรียนที่ไหนมาก่อนมั้ย ฯลฯ

(การแนะนำตัวภาษาเกาหลีนี่เตรียมมาเลย ได้พูดตั้งแต่สอบสัมภาษณ์ วันเปิดเทอม สอบมิดเทอม สอบไฟนอล หลายรอบอะ 555)

ต่อมา ซอนแซงนิมจะหยิบกระดาษที่มีช่องสี่เหลี่ยมประมาณ 8-10 ช่องขึ้นมาแผ่นนึง แต่ละช่องมีข้อความภาษาเกาหลี เนื้อหาเกี่ยวกับความเชื่อ วัฒนธรรมต่างๆ เช่น ของขวัญเวลาขึ้นบ้านใหม่ การเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดง ฯลฯ มีเวลาให้ 1 นาที ให้อ่านแล้วทำความเข้าใจ (ว้อททท จะไปทันได้ยังไงคะเซม!!) หลังจากนั้น ซอนแซงนิมจะสุ่มถามคำถามจากอันที่เราเพิ่งอ่านไปนี่แหละ เช่น คนเกาหลีเชื่อว่าเขียนชื่อด้วยปากกาสีแดงแล้วจะเป็นยังไง ทำไมถึงเชื่อแบบนั้น/ พวกเรารู้อยู่แล้ว อะ ข้อนี้รอด 55555

ถ้าถึงตรงนี้เรายังตอบได้อยู่ ซอนแซงนิมจะหยิบกระดาษแผ่นต่อไปขึ้นมา เป็นบทความยาว 1 หน้ากระดาษ ให้เวลา 1 นาทีเท่าเดิม (ว้อททททททท X 2 อันเมื่อกี้ยังไม่ทันเลยค่ะเซม) เราอ่านไม่ทันค่ะ เพราะเป็นคนอ่านภาษาเกาหลีช้ามาก แต่ซอนแซงนิมก็บอกว่าไม่เป็นไร ให้สรุปตั้งแต่แรกจนถึงตรงที่ตัวเองอ่านสุดแค่ไหนแค่นั้น แล้วถามคำถามเพิ่มอีกนิดหน่อย เราอ่านได้ครึ่งเดียวเอง ก็ตอบไปเท่าที่ตอบได้ จบแล้วค่ะที่เราไปสอบมา โล่งมาก (สปอย: เรื่องที่สอบสัมภาษณ์อยู่ในหนังสือเรียน)

แต่ละคนใช้เวลาสอบสัมภาษณ์ประมาณ 10 – 20 นาที เสร็จแล้วกลับบ้านได้เลยค่ะ

วันปฐมนิเทศ

เรียนภาษาเกาหลี ที่มหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University)จัดก่อนเปิดเทอม 1 วัน คนละตึกกับที่สอบนะคะ เค้าจะส่งข้อความมาบอกตึกที่จัดงานทางอีเมล ง่ายสุด คือ เดินตามนักศึกษาต่างชาติไป เจอแน่ๆ งานนี้ไปหรือไม่ไปก็ได้ค่ะ ไม่บังคับ

เหมือนเดิม.. เอาพาสปอร์ตไปด้วยนะทุกคน! เพราะเค้าจะแจกบัตรประจำตัวนักเรียนวันนี้ เราลืมเอาไป โชคดีที่มีรูปพาสปอร์ตสแกนไว้ในโทรศัพท์ โชคร้ายคือเค้าหาบัตรเราไม่เจอ คนที่ไม่ได้บัตรนักเรียนในวันนี้ เค้าจะบอกให้ไปหาที่ห้องธุรการในวันถัดไป พร้อมกับเอารูปถ่ายไปด้วย เดชะบุญที่พกรูปถ่ายไป -/|\- 

งานปฐมนิเทศจัดขึ้นสำหรับนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในเทอมนั้น เนื้อหาที่พูดก็จะมีตั้งแต่ชั่วโมงเรียน คอร์สเสริมฟรี วันหยุด ห้องสมุด ร้านค้ามหาลัย โรงอาหาร โรงยิม ราคาหนังสือ สถานที่ซื้อหนังสือ ไปจนถึงวิธีการเคลมประกัน และการเปิดบัญชีธนาคาร

หลายคนอาจไม่รู้ว่าถ้าไม่ใช่นักเรียน การเปิดบัญชีธนาคารที่เกาหลีเป็นเรื่องยากมากกก!! ต้องเตรียมเอกสารวุ่นวายไปหมด เพราะฉะนั้น นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมีบัญชีธนาคารที่เกาหลี เย่ ^o^//

จีมินไปเรียนแค่เทอมเดียว อยู่เกาหลีไม่ถึง 90 วันด้วยซ้ำ เค้าก็เปิดให้ค่ะ บัตรดีมากเลย ใช้จ่ายเงินที่ร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป และค่าโดยสารได้ แต่ควรไปช่วงระยะเวลาที่เค้าแนะนำตอนปฐมนิเทศนะคะ เพราะอาทิตย์แรกเค้าจะให้สิทธิ์นักเรียนต่างชาติของสถาบันภาษาก่อน อาทิตย์ต่อไปจะเป็นของนักศึกษามหาวิทยาลัยซอกัง ธนาคารจะแน่นมาก อันนี้พี่ที่ธนาคารเค้าฝากบอกมา —

เอกสารที่ใช้ในการเปิดสมุดบัญชีธนาคารเกาหลี
พาสปอร์ต, เงิน 330,000 วอน (สำหรับมัดจำ), และใบรับรองสถานะนักเรียน ขอได้ที่ชั้น 7
(ใครมีปัญหาอะไรไปชั้น 7 บริการครอบจักรวาล เอกสารขอปุ๊บได้ปั๊บ)
* อาจมีการเปลี่ยนแปลง ควรไปฟังวันปฐมนิเทศ

ประโยชน์ของการรู้วันหยุด คือ สามารถวางแผนจองตั๋วไปเที่ยวล่วงหน้าได้ หรือบอกให้บรรดาเพื่อนฝูงและญาติๆมาเที่ยวหาในช่วงนั้นได้ จากประสบการณ์ส่วนตัวและเพื่อนหลายคน คนรู้จักมักจะมาหาตอนสอบไฟนอลไม่ก็มิดเทอม – 0-”

งานปฐมนิเทศใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ ไม่ถึงชั่วโมงก็จบแล้ว มีแยกเป็นรอบภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน สำหรับใครที่มีคำถามเกี่ยวกับหลักสูตร มหาวิทยาลัย หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมไปถามได้เลยค่ะ
จนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่รู้นะคะว่าตัวเองได้เรียนระดับอะไร ผลจะประกาศคืนก่อนเปิดเทอม หรือเช้าวันเปิดเทอมเลยบนเว็บไซต์ เข้าไปที่ MYPAGE ดูตรง Course History หรือง่ายสุดไปดูบอร์ดหน้าตึกวันเปิดเทอมก็ได้ค่ะ ระทึกใจดี

วันเปิดเทอม

บรรยากาศมหาวิทยาลัยในเกาหลี Sogang University

หลังจากดูห้องเรียนของตัวเองแล้ว ก็ไปซื้อหนังสือเรียนต่อเลยค่ะ บอกเค้าว่าเรียนระดับอะไรแล้วต้องการฉบับภาษาไหน มีภาษาอังกฤษ จีน แล้วก็ญี่ปุ่น ต่างกันตรงเล่มอธิบายคำศัพท์เล็กๆ กับเฉลยแบบฝึกหัดที่จะเป็นภาษานั้นๆมาให้ค่ะ กายพร้อม ใจพร้อม หนังสือพร้อม ก็ไปห้องเรียนได้เลยค่ะ// > < กรี๊ดดด แค่เล่ายังตื่นเต้นเหมือนกลับไปเรียนใหม่

บรรยากาศห้องเรียนภาษาเกาหลี

ห้องเรียนภาษาเกาหลี มหาวิทยาลัยซอกัง (Sogang University Classroom)

ในห้องเรียน มีโต๊ะ 4 โต๊ะ จัดให้นักเรียนหันหน้าคุยกันเป็นคู่ๆ คู่หน้า คู่ข้าง วนไปค่ะ จะเห็นว่าโต๊ะไม่ได้หันเข้าหากระดาน เพราะจุดประสงค์ คือ อยากให้นักเรียนได้คุยกันเยอะๆ ผนังห้องมีแปะประกาศบ้าง ไวยากรณ์ที่เรียนไปบ้าง ผลงานนักเรียนบ้าง เต็มเลย ขนาดห้องพอดี ไม่เล็กเกินไป ไม่ใหญ่เกินไป นั่งไกลสุดจากซอนแซงนิมก็ยังได้ยินชัดแจ๋ว ส่วนตัวชอบการจัดห้องเรียนแบบนี้มากกก/ ที่สำคัญ มีแอร์

การบ้านภาษาเกาหลี
ผลงานนักเรียน หาของประเทศไทยเจอมั้ยย? XD

ชั่วโมงเรียน

การจัดชั่วโมงเรียน ระดับ 1-3 จะเหมือนกัน ตั้งแต่ระดับ 4 ไปมีการเปลี่ยนแปลง ตามตารางด้านล่างเลยค่ะ

คลาสเรียนภาษาเกาหลี ระดับ 1-3คลาสเรียนระดับ 4 ภาษาเกาหลีคลาสเรียนระดับ 5 ภาษาเกาหลีคลาสเรียนระดับ 6 ภาษาเกาหลี

จะเห็นว่ามีวันทบทวนด้วยนะ ก่อนจะขึ้นบทถัดไป เหมือนเป็นวันเก็บตกด้วยเบาๆ
ระดับ 3 ที่จีมินเรียน มันจะวนลูปแบบนี้ค่ะ

ตาราง และรูปแบบการเรียนภาษาเกาหลีในแต่ละอาทิตย์
ระดับอื่นอาจแตกต่างออกไป จีมินยังไม่เคยเรียนเหมือนกัน ใครเคยเรียนแล้ว คอมเม้นบอกข้างล่างหน่อยน้าา ^^
วิชา writing ก็จะไม่สนขิงข่าใดๆ วันทบทวนไม่ตรงกับวิชาอื่นเค้า เชิด 555 เนื้อหาจะตามหลังคาบอื่นๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการตกผลึกคำศัพท์และไวยากรณ์ทั้งหมดทั้งจากที่เรียนพูด ฟังและอ่าน แล้วเอามารวมกันในงานเขียนของเรา วันแรกอาจารย์อาจให้พูดเยอะหน่อย ลองเขียนสั้นๆ วันต่อมาถึงให้เขียนยาวๆ วนไปอย่างนี้เรื่อยๆค่ะ

เพื่อนๆในคลาสเรียนภาษาเกาหลี

หนังสือเรียนเกาหลี ม.ซอกัง

ซื้อครั้งเดียวได้ 7 เล่มเลย

หนังสือเรียนภาษาเกาหลี ของมหาวิทยาลัย Sogang
จำราคาไม่ได้แล้ว จำได้แค่ราคานักเรียน ลด 10 %
  • หนังสือเรียน 2 เล่ม (A ก่อนมิดเทอม B หลังมิดเทอม)
  • แบบฝึกหัด 2 เล่ม
  • หนังสือรวมไวยากรณ์ คำศัพท์ เล่มเล็ก 2 เล่ม
  • หนังสือวิชาการเขียน 1 เล่ม (ใช้เล่มเดียวทั้งเทอม)

แบบฝึกหัด จะมีเฉลยให้อยู่แล้ว ทำเองตรวจเองได้เลย ถ้ามีคำถาม ไม่เข้าใจ หรืออยากให้ซอนแซงนิมตรวจข้อที่ต้องแต่งประโยคเองก็เอามาส่งได้ค่ะ แต่หลักๆแล้ว ในห้องเรียนใช้แค่หนังสือเรียน

หนังสือเล่มเล็ก เล่มนี้ดีมาก!!! นอกจากไวยากรณ์หลักของแต่ละบทเรียนแล้ว ยังมีอธิบายไวยากรณ์ย่อยๆที่เจอในพาร์ท conversation, reading, listening ด้วย แต่ส่วนมากคนไม่ค่อยได้อ่านกัน orz

สำหรับคนที่ไม่พอใจผลสอบวัดระดับในรอบแรก สามารถขอสอบใหม่ได้ ถ้าจะสอบใหม่ ยังไม่ต้องซื้อหนังสือค่ะ รอผลสอบก่อน

เพื่อน

ตอนแรกคิดว่าคงมีแต่คนจีนกับญี่ปุ่นแน่ๆเลย แต่จริงๆแล้ว โอ้ววว นอกจากฝั่งเอเชียตะวันออกแล้ว นักเรียนจากฝั่งยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกาก็มาเรียนที่ซอกังไม่น้อยเลยค่ะ ตัวอย่างจากเพื่อนในห้องจีมิน: อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน ฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส มาเก๊า (ตอนหลังมีรัสเซีย กับสวีเดนมาเพิ่มด้วย)

เนเธอร์แลนด์มีตั้ง 3 คน! สาบานว่าสุ่มแล้ว O [] o! นอกจากภาษาเกาหลี ใครอยากฝึกภาษาอังกฤษเพิ่ม มีคนให้ฝึกด้วยเยอะเลย

#อยากมีเพื่อนเกาหลีต้องหาเองเพราะที่นี่ไม่มีบัดดี้ให้นะคะ #ต้องไปเข้าชมรมของมหาลัย

นักเรียนที่นี่.. บางคนเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน บางคนลูกครึ่งเกาหลี บางคนมีแฟนอยู่เกาหลี บางคนทำงานมาก่อนแต่อยู่ในช่วงพักก่อนเปลี่ยนงานใหม่ บางคนอยากหางานที่เกาหลี บางคนเพิ่งเรียนจบอยาก gap year บางคนปิดเทอม บางคนติ่ง บางคนมาเพราะรวยล้วนๆ บางคนอยากมาใช้ชีวิตที่เกาหลีแต่จะมาเที่ยวอย่างเดียวก็ไม่ดีเลยลงเรียนด้วยซะเลย บางคนเรียนภาษาเกาหลีที่ไทยแล้วติดใจอยากมาต่อที่เกาหลี ฯลฯ มีเพื่อนทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้น มาเถอะ :3 

ในห้องมีนักเรียนประมาณ 12-14 คน โต๊ะนึงก็ 3-4 คนพอดีค่ะ

ห้องเรียนภาษาเกาหลี ซอกัง

วันแรกอาจารย์จะให้แนะนำตัวแล้วก็เขียนชื่อตัวเองใส่กระดาษวางไว้บนโต๊ะ พออาจารย์จำได้แล้วก็จะบอกให้เอาชื่อออกได้ ช่วงพักเที่ยง เพื่อนที่เคยเรียนเทอมก่อนหน้านั้นมาแล้วก็จะไปทักทายเพื่อนเก่า เม้ามอยหอยกาบอย่างออกรสออกชาติ ส่วนเราได้แต่นั่งมอง อิจฉามากเลย เป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูดกับคนที่เพิ่งเจอกัน (แต่ถ้าสนิทแล้วจะพูดมากจนคนฟังต้องหลั่งน้ำตา – 3-’’) ผ่านไปซักพักก็จะดีขึ้นเองค่ะ เพราะในคาบเราต้องคุยกับเพื่อนทุกคนอยู่แล้ว 

ตอนหลังก็สนิทกันมากขึ้น ไปกินข้าวด้วยกัน ไปคาราโอเกะด้วยกัน ไปเที่ยวกัน วันดีคืนดีก็ไปกินข้าวกับเพื่อนของเพื่อน แวดวงคนรู้จักก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รู้ตัวอีกที ฮึ่ยย โลกกลมมีอยู่จริง 55

เพื่อนๆต่างชาติในคลาสเรียนภาษา

ได้ยินมาว่าที่ซอกังให้พูดเยอะ?

จริงค่ะ พูดเยอะมาก พูดเข้าไป พูดจนไม่รู้จะพูดอะไร คาบ Writing ก่อนเขียนก็ให้พูด คาบ Speaking เรียนสองชั่วโมงก็พูดวนไปเรื่อยๆ คาบ Reading, Listening ก็ยังได้พูดอยู่ พูดผิดไม่เป็นไร พูดไปก่อน เดี๋ยวซอนแซงนิมแก้ให้ พูดคนละเรื่องกับที่ซอนแซงนิมบอกให้พูดก็ได้ ตราบใดที่ยังพูดเป็นภาษาเกาหลีอยู่ ซอนแซงนิมไม่เคยว่าอะไรเลยค่ะ มาฟังเราพูดด้วยซ้ำ แม้ว่าจะนอกเรื่องจากบทเรียน ซอนแซงนิมก็ยังแสดงท่าทีว่าสนใจเรื่องของเรา นอกจากจะพูดกับเพื่อนในห้องแล้ว ยังมีวันที่ให้เราไปพูดกับเพื่อนห้องอื่นด้วย เข้าใจเลยว่าทำไมคลาสสนทนาที่นี่เค้าโด่งดัง/ ซาบซึ้งจริงๆ 

เวลามีคนยกมือถามคำศัพท์ว่าคำนี้แปลว่าอะไร ก่อนจะอธิบายเลย ซอนแซงนิมจะถามคนในห้องก่อนว่ามีใครรู้จักคำนี้มั้ย ถ้ามี อธิบายให้เพื่อนฟังหน่อย ถ้าไม่ถูก ซอนแซงนิมจะอธิบายให้ใหม่ ถ้าไม่มีใครรู้เลย ซอนแซงนิมถึงจะบอกให้ บางครั้ง คำศัพท์ที่ถามเป็นคำง่ายๆที่เราควรรู้อยู่แล้ว แต่ซอนแซงนิมก็ไม่เคยบอกว่า อ้าว ทำไมถึงไม่รู้จักคำนี้ล่ะ จุดนี้จีมินรู้สึกขอบคุณมากๆเลย/ เราเคยมีประสบการณ์(เมื่อนานมาแล้ว) ยกมือถามศัพท์ในห้อง เพื่อนแปลออกหมดยกเว้นเราคนเดียว ทั้งเพื่อนและอาจารย์หันมา เฮ้ย ทำไมไม่รู้อะ ล้อเล่นปะเนี่ย คำนี้เบสิคเลยนะ หลังจากนั้นเราก็แทบไม่ถามอะไรอีกเลย เพราะรู้สึกไม่ดี.. บางทีสมองมันเบลอๆ นึกคำศัพท์ไม่ออกนี่นา ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าคนอื่นจะรู้คำศัพท์เหมือนที่ตัวเองรู้หมด เพื่อนอาจจะรู้คำที่เราไม่รู้ก็ได้ การเรียนภาษาช่วยกันเรียนดีกว่าอยู่แล้ว

บอกเลยว่า หลังจากจบจากซอกังไป นอกจากความรู้ภาษาเกาหลีแล้ว ก็ได้ความมั่นใจกลับบ้านไปด้วยค่ะ นอกห้องเรียน ก็คุยกับเพื่อนเป็นภาษาเกาหลี แต่พอไม่มีอาจารย์อยู่ เราก็พูดกันแบบผิดๆถูกๆ ศัพท์มั่วบ้าง แกรมม่าผิดบ้าง รูปสุภาพกับไม่สุภาพปนกันมั่วไปหมด แต่ถามว่าแคร์มั้ย? ไม่ 55555 รู้เรื่องพอ

มั่นใจมากขึ้นแค่ไหนยังไง?

ยกตัวอย่างเช่น เวลามีคนมาถามหาห้องน้ำ (ปกส ส่วนตัว)

ก่อนมาเรียน – (ตอบอิ๊ง) น้องก่บ่ฮู้เจ้าา สูมาเต๊อะเจ้า
เริ่มเรียน – (ตอบเกา) ขอโทษค่ะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน (ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าไปทางไหน)
หลังเรียน – (ตอบเกา) ขึ้นบันไดเลื่อน แล้วเดินตรงไป จะเห็นห้องน้ำอยู่ทางซ้ายค่ะ (ตะกุกตะกักบ้างเบาๆ แต่ตอบได้ ถือว่าภูมิใจมาก)

แล้วที่นี่ไวยากรณ์ไม่เน้นหรอ?

ไวยากรณ์ก็เน้นค่ะ แค่ไม่เท่าการพูดเท่านั้นเอง ส่วนตัวรู้สึกว่าได้เรียนไวยากรณ์เยอะเลยนะ อยู่ในระดับที่พอดีไม่อัดเน้นจนเกินไป (เพราะแค่นี้ก็จะจำไม่ได้แล้ว 5555)

Writing จะได้ไวยากรณ์ แพทเทิร์นการเขียนที่ทำให้งานเขียนดูดีขึ้น ซอนแซงนิมจะคอยบอกจุดที่นักศึกษาต่างชาติมักจะเขียนผิดหรือพูดผิดเป็นประจำ คนเกาหลีใช้ผิดบ่อยๆก็มีนะ แบบนี้ๆๆๆ คนเกาหลี 10 คน จะเห็นใช้แบบนี้ x คน

Speaking จะได้ไวยากรณ์หลักๆบทละ 2 อันอยู่แล้ว แต่ไวยากรณ์อื่นที่แทรกอยู่ในบทสนทนาในหนังสือ ซอนแซงนิมก็จะยกขึ้นมาสอนเช่นกันค่ะ  เค้าจะบอกว่าภาษาเขียนใช้แบบนี้นะ แต่ภาษาพูดใช้แบบนี้นะ พูดกับเพื่อนแบบนี้ กับผู้ใหญ่แบบนี้ คนเกาหลีจริงๆออกเสียงแบบนี้

Reading-Listening ไวยากรณ์ก็ยังเจอได้เรื่อยๆ ทั้งที่อยู่ในบทความ เรื่องสั้น ป้ายประกาศ ข่าว หลากหลายมากค่ะ

แล้วคำศัพท์ล่ะคะ?

Speaking คำศัพท์ไม่เยอะมากค่ะ ถึงในหนังสือศัพท์จะไม่เยอะ แต่ที่อาจารย์เพิ่มมานี่แหละเยอะ!! 5555TT5555

Reading เยอะใช้ได้ค่ะ มันก็แน่อยู่แล้วอะเนอะ การอ่านนี่นา

Listening อยู่ในเลเวลพอรับได้ ถ้าตามเค้าไม่ทันก็แอบอ่านสคริปต์ไปล่วงหน้า แฮ่! 

Writing ส่วนมากจะใช้คำศัพท์ที่เรียนมาจากวิชาก่อนหน้านี้ บวกคำศัพท์เพิ่มนิดหน่อย นอกนั้นมันจะงอกเงยเพราะงานเขียนของเราเอง อยากแอดวานซ์มาก ตอนสอบก็ลำบากหน่อย แต่เราก็ได้เรียนรู้มากขึ้น

ข้อสอบ

Listening-Reading สอบพร้อมกันเลยค่ะ ครึ่งแรกจะให้ฟังเทปก่อนแล้วเติมคำ กากบาท ตอบคำถามจากเรื่องที่ฟัง (ระดับต้น ได้ข่าวว่าไม่ใช่ฟังแล้วเติมคำนะ ให้เขียนที่ได้ยินทั้งประโยคเลย ผ่ามๆๆๆ) ครึ่งหลังจะเป็นการอ่าน ตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน บางข้อก็เอามาจากในหนังสือเรียน บางข้อดัดแปลงในหนังสือมา มีทั้งกากบาทแล้วก็เขียน วิชานี้ไม่ยากค่ะ 

Writing โจทย์จะสุ่มให้เขียนเรื่องที่เคยเขียนในห้องเรียน อาจจะเคยเป็นการบ้าน หรือแบบฝึกหัดมาก่อน ถามว่าง่ายมั้ย ก็ง่ายตรงที่ไม่ต้องฝึกอะไรเพิ่ม ถามว่ายากมั้ยก็ยาก เพราะจำที่ทำไปทั้งหมดไม่ได้ …

Speaking ชื่อสปีคกิ้งแต่ยังไม่ได้พูด มีกากบาท เติมคำ แต่งประโยค แต่งบทสนทนา โดยใช้ไวยากรณ์กับคำศัพท์ที่เรียนมา ส่วนตัวคิดว่าอันนี้ง่ายสุด แค่แต่งบทสนทนาพาร์ทสุดท้ายให้ทันก็พอ

Interview ได้พูดของจริงแล้วค่ะ สอบเป็นวิชาสุดท้าย ไฮไลท์ของงาน มิดเทอม 30 ไฟนอล 70! มิดเทอมได้พูดคู่กับเพื่อน กับอาจารย์ห้องตัวเอง แต่ไฟนอลสอบทีละคน กับอาจารย์ห้องอื่น มีการอัดเสียงเก็บไว้ด้วย ไฟนอลเกร็งมาก เพราะเก็บคะแนนเยอะโคตร 

กิจกรรมเสริมนอกหลักสูตร

คลาสพิเศษฟรี (เรียนก็ได้ ไม่เรียนก็ได้ คลาสจะแตกต่างกันตามคอร์สที่ลงเรียน)

คอร์ส KGP

  • 발음 (Pronunciation) : เรียนการออกเสียงที่ถูกต้อง การเปลี่ยนเสียงของภาษาเกาหลี
  • 문법 (Grammar) : เรียนไวยากรณ์อื่นนอกเหนือจากในหนังสือเรียน
  • 노래/ 영화 (Musics/Movies) : เรียนภาษาเกาหลีจากหนัง เนื้อเพลง

คอร์ส KAP

  • 발음 (เลเวล 1-2) : การออกเสียง
  • TOPIK II : ตะลุยโจทย์ TOPIK
  • 자기소개서 특강 : คลาสเน้นการเขียนจดหมายแนะนำตัว

คลาสเรียนการอ่านออกเสียง

(วิชา 발음 – Pronunciation สอนย้อนไปถึงสัทศาสตร์ ในฐานะนักเรียนเอกภาษาศาสตร์ แนะนำค่ะ ใครที่ยังพูดไม่ชัดมาเรียนจะได้รู้ว่าทำไมเสียงมันถึงเปลี่ยน มันเปลี่ยนไปยังไง แต่ใครที่พอจำกฎการเปลี่ยนเสียงภาษาเกาหลีพอได้แล้ว ไม่เรียนก็ได้ค่ะ)

ชมรม

댄스 동아리 (ชมรมเต้น) เปิดรับหมดทุกระดับ ขอให้มีใจอยากจะเต้น วันจบการศึกษาจะได้ขึ้นเวทีไปเต้นโชว์ด้วย เดี๋ยวจะแปะวิดีโอไว้ให้ดูแซมเปิ้ล

อันนี้เป็นชมรมของนักเรียนสถาบันภาษานะคะ ชมรมเต้นของนักเรียนมหาวิทยาลัยซอกังก็มีอีกอันนึง เห็นเพื่อนในห้องจะไปต้องออดิชั่นด้วย เข้าไปแล้วมีทติ้งรัวๆ เพื่อนเกาหลีเพียบบบบ!

Field trip

ตอนแรกนึกว่าไปเที่ยวนอกสถานที่ แต่กลายเป็นว่าไปทำอาหารแทน ซอนแซงนิมบอกว่าแต่ละเทอมกิจกรรมจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

คลาสเรียนทำอาหารเกาหลี

เกณฑ์จบการศึกษา

  • ชั่วโมงเข้าเรียนไม่ต่ำกว่า 80% หรือ 160 ชั่วโมง (ถ้าขาดวันนึงก็นับว่าหายไป 4 ชั่วโมง เพื่อนบางคนยอมขาดวันละคาบ เพื่อจะได้ขาดได้หลายๆ วันหน่อย 555555 ยอมใจ)
  • ได้คะแนนสอบแต่ละวิชาไม่ต่ำกว่า 70%
  • ถ้าสอบไม่ผ่าน จะมีให้สอบซ่อมอีก 1 ครั้ง ถ้ายังไม่ผ่านอีกจะไประดับต่อไปไม่ได้น้า

ปล. ใครที่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงในห้องเรียน เช่น เราใช้ จีมิน เพราะชื่อไทยยาว ต้องแน่ใจว่าซอนแซงนิมจำชื่อจริงเราถูก ไม่ไปสลับกับคนอื่นนะคะ ไม่งั้นเวลาเช็คชั่วโมงเรียนอาจจะผิดพลาดได้ ตอนปลายภาคเราเห็นซอนแซงนิมเช็คว่าเราขาดหลายวันทั้งที่ขาดจริงแค่สองวันเลยไปถามดู สรุปว่า เค้าคิดว่าชื่อเราเป็นชื่อเพื่อนอีกคนนึง/ ก่อนมาคิดว่าชื่อคนไทยยาวสุด แต่เปล่าเลย โป๊ชชชช เพื่อนแต่ละคน ชื่อยาวเหมือนระยะทางแม่สายไปเบตง เพื่อนไต้หวัน ฮ่องกงบางคนก็ไม่ได้ใช้ชื่อเดิม ใช้ชื่อเกาหลี ไม่แปลกที่ซอนแซงนิมจะสับสนค่ะ

สรุปข้อดีที่ได้จากการเรียนภาษาที่มหาวิทยาลัยในเกาหลี

  • ความรู้ภาษาเกาหลีที่ “เพิ่มขึ้นแน่นอน” ซอกังหยิบยื่นทุกอย่างให้เราแล้ว หลักสูตรดีมาก ผู้สอนก็ดีมาก ห้องเรียนก็ดี เอื้อแก่การเรียนทุกอย่าง ที่เหลืออยู่ที่ตัวเราเอง
  • มีความมั่นใจ และกล้าที่จะพูดภาษาเกาหลีมากขึ้น โดยไม่มัวกังวลว่า เฮ้ย เค้าจะเข้าใจเรามั้ย ถ้าพูดผิดทำไง
  • สำหรับคนขี้อาย(แบบจีมิน) อาจจะรู้สึกอึดอัดนิดหน่อยที่ต้องพูดเยอะ แต่ถือว่าเป็นการฝึกให้เราก้าวออกมาจาก comfort zone แนะนำว่าให้ลองคิดท็อปปิคเผื่อเวลาเจอเพื่อนใหม่ไว้ เวลาเจอหน้ากันจะได้ไม่ awkward การชวนถ่ายรูปก็ใช้ได้เลยแหละ ลองมาแล้ว snow กับ boomerang ช่วยชีวิตเฟ่อ 😉
  • ได้เจอเพื่อนใหม่เยอะแยะ จากทั่วทุกมุมโลก บางทีก็เรียนภาษาของเพื่อนไปด้วย
  • ถึงจะไม่มีบัดดี้ แต่เรามีพื้นที่สำหรับหาพาร์ทเนอร์ฝึกภาษา อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ บางทีมีคนมาโพสต์งานหาคนสอนภาษาด้วย แปะลิ้ง >> https://klec.sogang.ac.kr/?url=00075 อยากคุยกับใครก็ dm เค้าไปเลย
  • ซอนแซงนิมมีความเป็นมืออาชีพมาก ตรวจงานไวและดี เสียงเพราะน่าฟัง (สวย ><) ใส่ใจนักเรียนเท่าๆกัน ใครที่อยากเรียนอะไรเพิ่มเติม สามารถไปบอกซอนแซงนิมได้ ช่วงพัก 20 นาที หรือหลังเลิกเรียน ซอนแซงนิมจะติวให้เป็นการส่วนตัว
  • ด้วยความที่คนมาเรียนไม่ได้มีแค่กลุ่มนักเรียน นักศึกษาเท่านั้น การที่เราได้เจอผู้ใหญ่หลายคน คนวัยทำงาน ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเค้า จีมินคุยเรื่องการหางาน ประสบการณ์ต่างๆ การวางแผนชีวิตกับเพื่อนบ่อยเลยค่ะ
  • นักเรียนกลุ่มผู้ใหญ่นี้ บางคนก็ทำงานกับคนเกาหลี กำลังหางาน หรือสมัครทุน หลายครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือด้านภาษาเกาหลี เช่น สคริปต์สอบสัมภาษณ์ จดหมายตอบลูกค้า เขียนจดหมายแนะนำตัว แม้จะไม่เกี่ยวกับงานสอนของตัวเองเลย แต่ซอนแซงนิมก็ยินดีช่วยเหลือมากๆ เสาร์อาทิตย์ก็ยังตอบ นอกจากนั้น ยังคอยถามไถ่ตลอดว่าผลเป็นยังไงบ้าง  
  • มีกิจกรรมฟรีให้นักเรียนบ่อยๆ เช่น เรียนเขียนพู่กัน วิ่งมาราธอน ปีนเขา ฯลฯ แต่ต้องรีบลงชื่อเพราะมีจำนวนจำกัด
  • บัตรนักศึกษาเอาไปใช้ลดราคาสถานที่ท่องเที่ยวได้ 5555 (สำหรับที่ที่มีส่วนลดนักศึกษานะคะ จีมินเคยเอาไปใช้ที่หมู่บ้านเกาหลีโบราณ – 한국민속촌)
  • ได้ประกัน และบัญชีธนาคาร (พี่พนักงานที่ธนาคารน่ารัก +1) 

ข้อเสีย

  • ชีทเรียนเยอะมากกก วันทบทวนบทเรียนนี่พีคเลย แจกกระหน่ำมาก ทั้งๆที่บางที เนื้อหามันซ้ำกัน (คิดในใจ จ่ายค่าเทอมไปเยอะ เค้าก็เลยให้ชีทเรามาเยอะ.. หรอ?) ใครจะขนกลับหมด เผื่อน้ำหนักกระเป๋าให้ชีทและหนังสือเรียนไว้ซักสี่กิโลค่ะ 
  • เวลาพักเที่ยงมีแค่ 20 นาที ใกล้ๆห้องเรียนมีแค่ตู้ขายน้ำอัตโนมัติ ถ้าอยากกินต้องลงไปชั้น 1 หรือโรงอาหารตึกข้างๆ ซึ่งบางทีลิฟต์ก็เต็ม เดินลงไปที่ร้านแล้วขึ้นมาก็หมดเวลาแล้ว อยากกินจริงๆต้องพกของกินมาจากบ้าน แต่ถ้าใครที่รอไปกินข้าวตอนบ่ายได้ก็ไม่มีปัญหา
  • ถ้าเพื่อนห้องเรียนเป็นคนขี้อายกันหมด จะไม่สนุก 
  • คิดว่าข้อสอบบางอย่างไม่ได้วัดความสามารถที่แท้จริงเท่าไหร่ เช่น ท่องสคริปต์ตามในหนังสือเป๊ะๆ แล้วจำไปสอบกับเพื่อน หรือสอบ Writing เขียนเรื่องเดิมที่เคยทำไปแล้ว

มีอะไรอยากบอกอีกมั้ย?

เดินออกจากประตูหน้ามอ ข้ามทางม้าลายไปฝั่งตรงข้าม หันไปทางซ้ายจะเจอร้านซ่อมรถ เดินเข้าไปเลย แล้วลงบันไดเล็กๆที่อยู่ขวามือ จะเจอขุมทรัพย์ ร้านนั้นอร่อย 6,000 วอนทุกอย่าง แถมฟรี ชิคเย (식혜) น้ำข้าวหวานๆ ฉ่ำ อร่อยมากกกก รีฟิลรัวๆ -3-

ร้านอาหาร ใกล้มหาวิทยาลัยซอกัง
หน้าตาขุมทรัพย์ ร้านอาหารเล็กๆที่เครื่องเคียงอร่อย และน้ำชิเค หวาน เย็น ชื่นใจ

จบแล้ววทู้กกกโคนนนนนนนน เป็นยังไงกันบ้าง จีมินตั้งใจเขียนมาก ดีใจที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ดีๆให้ทุกคนอ่าน หวังว่าจะชอบกันนะคะ ใครที่เคยไปเรียนมา เหมือนหรือไม่เหมือนยังไง เล่าให้ฟังหน่อยน้า จีมินชอบอ่านเรื่องของคนอื่นเหมือนกันค่ะ คราวหน้า อยากให้บล็อกเฟรมคุงเขียนเรื่องอะไรอีก เขียนไว้ในคอมเม้นด้านล่างเลยน้าา ^^ 

ลาไปด้วยภาพวันสุดท้ายของการเรียนของเรา ถ่ายก่อนไปพิธีปิด ให้ทายว่า คนไหนคือซอนแซงนิม? คนไหนจีมิน?

ห้องเรียนภาษาเกาหลี
(ผู้ชายสองคนนั้นเค้าทำท่าเดียวกัน อะ อะ ต้องมีซัมติง)

อ่านเพิ่มเติม

  • บล็อกรีวิวการสมัครเรียนภาษาที่ม.ซอกัง : อธิบายค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาทั้งหมด การสมัคร การรับรองเอกสารจากที่ไทย
  • สำหรับเพื่อนๆที่สมัครแล้วมีคำถามเกี่ยวกับเอกสาร, ค่าใช้จ่าย, ที่พัก สารพัดคำถามที่หลังไมค์มาถาม ได้รวบรวมและตอบเอาไว้แล้วในบล็อกตอนนี้ ใครไม่อ่านตอนนี้แล้วถามเพิ่ม ขอสงวนสิทธิ์ในการตอบคำถามนะ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามเรื่องอื่นๆ