มาถึงวันสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสได้เที่ยวอย่างเต็มที่แล้วครับ ผมยกให้วันสุดท้ายไปเก็บตกในที่ที่ไม่ได้ไป หรือที่ที่อยากไปซ้ำอีกรอบ แต่คิดไปคิดมา ก็อยากให้การเดินทางในครั้งนี้สมบูรณ์แบบ ได้ไปในทุกเมืองแถบคันไซ (Kansai) จึงตัดสินใจปิดท้ายด้วยที่ เมืองนารา หรือ นะระ (Nara) ก่อนเดินทางกลับเกาหลีครับ
Day 5 : Nara
ลักษณะเด่นๆของเมืองนี้ที่ผมทราบ คือ เป็นเมืองที่มีกวางเยอะ และหากไปเมืองนี้ก็ต้องไปชมความงดงามของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ใน วัดโทไดจิ (Todaiji) ให้ได้ พอทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็หาข้อมูลการเดินทางต่อไปครับ
ผมค้นหาข้อมูลเส้นทางการเดินทางเล่นๆ ก็พบว่าบริเวณใกล้ๆที่พักของผม มีสถานีรถไฟสาย Yamatoji ซึ่งเป็นสายที่สามารถนั่งไปถึงสถานี นารา (Nara) ได้ครับ พอเช็คค่าเดินทางก็พบว่าไม่ได้แพงมาก ครั้งนี้จึงไม่ได้เริ่มเดินทางจากสถานี Osaka แต่เริ่มจากสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) แทนครับ
การเดินทางใช้เวลาเพียงแค่ 33 นาที จากสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) ไปนารา (Nara) ครับ ค่าเดินทางต่อรอบอยู่ที่ ¥450
ทันทีที่ถึงสถานีนารา (Nara) ก็พบว่าผู้คนไม่ค่อยแออัดมากเหมือนสถานีอื่นๆครับ แน่นอนว่าครั้งนี้ ผมก็เข้าไปขอข้อมูลการเดินทางจาก Tourist information center เหมือนเดิม ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือทันทีที่ออกมา
เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ ถือว่าไม่ค่อยเยอะมาก เทียบกับเมืองอื่นๆ ผมจึงขอให้พนักงานแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ครับ โดยการเดินทางส่วนใหญ่จะต้องเดินกันเยอะหน่อย พนักงานบอกว่าจะนั่งบัสก็ได้ ซึ่งจะอยู่ที่ ¥200 ต่อรอบ เป็นรถบัสวิ่งรอบๆเมือง แต่เค้าบอกว่า วันนี้อากาศดีกว่าอาทิตย์ที่แล้วมาก อยากให้ลองเดินดู ผมเองก็เชื่อพนักงาน ก่อนที่จะเก็บแผนที่เดินไปตามทางครับ
Three-story pagoda
เดินออกมาจากสถานีนารา (Nara) ข้ามถนนมาอีกฝั่ง ก็จะมีถนนเส้นเล็กๆ ให้เดินเลียบไปจนถึงสวนสาธารณะนารา ทางไปวัด Todai่ji เลยครับ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มีพระเจดีย์ Three-story หรือ Three-story pagoda นี้อยู่ พี่พนักงานแนะนำให้ผมแวะที่นี่ก่อนครับ
ถึงแล้วครับกับ Three-story Pagoda ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชมครับ 😀
และที่นี่ก็เป็นสถานที่แรก ที่ทำให้ผมเจอกับฝูงน้องกวาง….
ก่อนที่ผมจะเดินออกมาแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆครับ… ตรงไปอีกประมาณ 300 เมตรก็จะเจอสวนสาธารณะนาราที่ร่มรื่น ต้นไม้เขียวๆ ในวันที่อากาศกำลังอุ่นๆ สบายๆครับ
Nara Park : สวนสาธารณะสุดร่มรื่นในนารา
เดินตรงไปเรื่อยๆอีก 300 เมตร ตรงนี้ก็จะเริ่มเป็นบริเวณหน้าวัดโทไดจิ (Todaiji) แล้วครับ ฝูงกวางที่นี่ดูโหดกว่าที่ก่อนหน้านี้มาก คือมันแลดูหิวๆยังไงๆชอบกล ใครที่มีขนมสำหรับให้กวาง (ซึ่งสามารถหาซื้อได้แถวนั้นอันละ ¥150) เซ็นเซอร์ตรวจจับขนมของมันจะทำงานเร็วมาก และแถบจะวิ่งตามเลย ใครที่ไม่ให้ขนมมัน มันก็จะเอาหัวชนๆ กัดเสื้อบ้าง ระวังตัวกันไว้ด้วยนะครับ 555
วัดโทไดจิ (Todaiji)
และแล้วเราก็เดินมาถึงวัด Todaiji ครับ มีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ¥500 และเด็ก ¥300 ครับ
พอเดินเข้ามาข้างในก็จะพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ครับ
จากนั้นผมก็ไปตามเส้นทางที่ได้จากศูนย์บริการข้อมูลฯ ที่เค้าแนะนำให้ผมไปชม Nigatsudo Hall ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของตัววัดครับ
เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นมา มองลงมาจากชั้นบนแล้ว ก็จะได้เห็นความสวยงาม ความอบอุ่น ของบ้านเรือนที่อยู่รอบๆวัดแห่งนี้…
จากนั้นผมก็เดินลงไปเพื่อที่จะเดินต่อไปยังวัดอีกวัดที่พนักงานแนะนำให้ผมไป นั่นก็คือ วัด Wakamiya Jinja ครับ ซึ่งอยู่ห่างไปอีกค่อนข้างไกลพอสมควร บวกกับผมแอบไปหลงด้วย ทำให้ผมเดินวนอ้อมวัด Todaiji มาอีกรอบ ก่อนที่ผมจะตั้งหลักใหม่ เดินไปที่วัดนี้ ซึ่งเส้นทางการเดินทางที่ถูกต้องนั้น ท่านจะผ่านหุบเขา Wakakusayama ครับ
เส้นทางไปวัด Wakamiya Jinja นี้ ก็ยังจะผ่านวัดอีกวัดนึงซึ่งก็คือวัด Kasuha Taisha ครับ และนอกเหนือจากนี้ ยังมีสิ่งที่สวยงาม ผมจะเรียกว่าอะไรดี ? เป็นสถูป เจดีย์ ยาวไปเรื่อยๆเป็นทางๆเลยครับ แล้วก็มีหลายมุมที่ร่มรื่น เหมาะกับการถ่ายรูป และพักผ่อนมากๆ เส้นทางตรงนี้ผมบอกเลยว่าซับซ้อนมากๆ ต้องอาศัยดูทิศจาก Google Maps เป็นระยะๆ ดูป้ายตามเป็นระยะๆครับ
และแล้ว ผมก็มาถึงวัด Kasuga Taisha ครับ มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมด้วย ซึ่งผมงานนี้ขอบายครับ เพราะว่าคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วไม่น่าจะเพียงพอ ต้องบอกก่อนครับว่า ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่า วัดนี้คือวัด Wakamiya ที่พนักงานแนะนำให้ผมไปดูครับ หากแต่ว่าขณะที่ผมกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อที่จะเขียนบล็อกนี้ก็พบว่า วัดนี้คือวัด Kasuga Taisha ที่กล่าวไปข้างต้น … เอาเป็นว่า ตอนนั้นผมเองก็เหนื่อยพอสมควรครับ เพราะว่าเมืองนี้ให้ผมได้เดินทั้งวันเลย ผมจึงเดินกลับไปที่สถานี เพื่อเตรียมหาของอร่อยๆกินก่อนที่จะกลับที่พักครับ
ทางเดินกลับก็จะเป็นเส้นทางเดิม เราก็จะผ่านสวนสาธารณะ Nara ซึ่งระยะทางจากหน้าวัดนี้ ไปจนถึงสถานี จากแผนที่เค้าบอกว่าเป็นระยะทาง 2.5 กิโลเมตรด้วยกันล่ะครับ ถ้านับตอนขามา และตอนขณะที่เดินวนๆอยู่รอบวัดนี้ ผมเรียกว่านี้เป็นการเดินทางไกลของผมที่ไม่ได้ทำมาในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้…
ก่อนกลับก็พักแวะทานยากิอุด้งร้านที่อยู่หน้าทางไปวัด Three-story pagoda ที่ไปเจอกับน้องกวางก่อนหน้านี้ครับ
เพราะด้วยคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นนี้แล้วครับ ผมจึงนัดเพื่อนออกมาหาอะไรทานด้วยกัน สถานที่สุดท้ายที่ผมไปกินกับเพื่อน ก็เป็นที่โอซาก้า กับมื้อที่อยากทานอีกมื้อนึง (แต่รอจังหวะหิว) นั่นก็คือ โอโคโนมิยากิ ครับ ตอนแรกเราว่าจะไปกินกันที่ร้านๆนึง ซึ่งเพื่อนบอกว่าอร่อยมาก แต่คนเยอะจริงๆ กับเวลาอันน้อยนิด เราจึงเปลี่ยนไปกินอีกร้านนึง ร้านนี้เป็นเฟรนไชส์ครับ แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยไม่แพ้กัน
เรามากันที่ ร้าน CHIBO Okonomiyaki ครับ ซึ่งต้องขึ้นไปกินกันถึงชั้น 5 ครับ (เห็นเค้าบอกว่าที่นี่แต่ละชั้นเชฟจะมีสไตล์การทำให้ทานไม่เหมือนกัน)
เมนูนั้นก็มีค่อนข้างหลากหลายครับ แต่มาถึงนี้ก็ควรจะทานโอโคโนมิยากิตามชื่อร้าน ซึ่งเมนูแต่ละเมนูก็จะมีไส้ให้เลือกครับ เบสิก นั้นอยู่ที่ ¥650 ครับ คือไม่ใส่อะไรเลย ถ้าใส่ไส้จำพวกหมู ก็จะต้องเพิ่มอีก ¥200 ถ้าเป็นพวกปลาหมึกเพิ่มอีก ¥250 ครับ หน้าที่แนะนำเป็น หน้าหมู ครับ
จากนั้นเชฟก็จะมาทำให้ทานอยู่ข้างหน้าเลย…
ของฝากจากโอซาก้า ?
อิ่มแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวแยกย้ายแล้วครับ เพื่อนผมพาผมไปร้านๆนึง ที่บอกว่าเป็นร้านที่มีของให้เลือกเยอะมาก รวมไปถึงถ้าจะซื้อของฝากด้วย ร้านนี้ก็มีแทบทุกอย่าง ขนม ของเล่น ชุดเอาไว้แต่งคอสเพลย์ก็มีขาย ราคาก็โอเคเลยครับ ร้านนี้มีชื่อว่า ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) อยู่ในซอยที่มีป้ายเขียนว่า Soemon-cho ตรงแยกของสะพานกูลิโกะครับ
ได้ขนมพอติดไม้ติดมือมาฝากเพื่อนๆครับ ประเมินค่าใช้จ่ายก็พบว่าค่อนข้างพอดีกับที่เตรียมมา ถือเป็นทริปที่ใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ ก่อนที่เพื่อนผมจะเดินไปส่งที่โรงแรม และแยกย้ายกันครับ ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนผมที่คอยแนะนำสถานที่ต่างๆให้ แม้เธอจะไม่ได้ไปกับผมในทุกๆที่ แต่เธอก็ให้ความกล้ากับผมที่จะกล้าไปลุยในสถานที่ต่างๆทั่ว Kansai นี้ด้วยตัวเอง ก็ต้องขอบคุณเพื่อนผมแสนดี “ริโกะ” คนนี้ด้วยล่ะครับ
ก่อนที่เธอจะแนะนำให้ไปเก็บภาพที่ระลึก หอคอย Tsutenkaku (Tsutenkaku Tower) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก หอคอยนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกแห่งของโอซาก้าด้วยครับ ก็ถือว่าเป็นภาพปิดท้ายของทริปนี้ละกัน ก่อนที่จะเตรียมเก็บข้าวของ เก็บประสบการณ์ เรื่องราว ความทรงจำดีๆที่ญี่ปุ่นนี้ มาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านทุกท่านล่ะครับ ^_^
สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ผมเองก็ได้มีการทำรายรับรายจ่ายตลอดการเดินทางครับ และครั้งนี้ก็ถือว่าใช้เงินได้พอดิบพอดีกับที่เตรียมมาเลย ลองมาดูกันครับว่า ทริปโอซาก้า ลุยเดี่ยว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 5 วัน 6 คืน แบบนี้มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง
- ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ (อินชอน-คันไซ โอซาก้า) : 178,300 วอน ( ประมาณ 5,500 บาท )
[รีวิวสายการบิน] [เว็บไซต์สายการบิน]- ค่าที่พักโรงแรม Diamond Hotel โอซาก้า 5 คืน (คืนละ 800 เยน) : 4,000 เยน (ประมาณ 1,300 บาท)
[รีวิวโรงแรม] [จองโรงแรม]- ค่าเช่าอินเทอร์เน็ตไร้สายพกพา (Poket WiFi) แบบ 75Mbps 6 วัน + ค่าส่ง : 6,670 เยน
(ประมาณ 2,100 บาท)
[เว็บจอง Pocket Wifi]- ค่าอาหาร การกิน ของฝาก ค่าเข้าชมอาคารสถานที่ต่างๆ ค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จผมแบ่งไว้ 35,000 เยน
(ประมาณ 11,000 บาท)สรุปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด 19,900 บาท ครับ ^_^
บันทึกการเดินทาง
และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของการเดินทางครับ ในฐานะของคนเขียน รู้สึกว่าการเดินทางแบ็คแพ็คลุยเดี่ยวเที่ยวครั้งนี้ของผม ผมได้เจอกับหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่อยากจะเก็บมาเล่า อยากจะให้บล็อกของผมบันทึกเรื่องราวไม่ให้มันผ่านไปเฉยๆจริงๆ ก็ต้องขอบคุณความพยายามของตัวเอง ที่ทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง สิ่งที่ผมได้เห็นที่ญี่ปุ่น มีหลายๆฉากที่ผมไม่เคยเห็นในชีวิตมาก่อน มันเป็นความเซอร์ไพรส์ให้กับตัวเอง กับการได้มาเจอสิ่งที่สวยงาม ญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศที่มีความน่ารักทั้งผู้คน ทั้งความเป็นญี่ปุ่นเอง และผมเองก็หวังว่าจะมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ถือว่าเป็นการวอร์มอัพครับ 😀
ผมหวังว่าบล็อกของผมที่ผ่านมาทั้งสี่ตอนนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ไกลๆ ที่ที่ใฝ่ฝันอยากจะไป ลองให้โอกาสตัวเองสักครั้ง แล้วเก็บกลับมาเล่าผ่านบล็อกเช่นนี้ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ วันนึงเรากลับมาอ่านเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ แน่นอนว่าก็ต้องอดยิ้มไม่ได้ล่ะครับ แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวที่น่าสนใจในตอนหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ….
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
ありがとうございます。
อะริกาโตะ โกไซมัส ~
— สารบัญทริปลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น —
- [วันที่ 1 & 2] วอร์มอัพก่อนเที่ยวญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายเที่ยวญี่ปุ่น จองที่พักในญี่ปุ่น ที่พักราคาถูกใน
Osaka สายการบิน Peach อินเทอร์เน็ตในประเทศญี่ปุ่น ตะลุยเมือง Osaka, Dotonburi,
Shin Saibashi, Americamura วัด Hozen-ji, ปราสาทโอซาก้า, ร้านข้าวหน้าเนื้อ Yoshinoya,
ร้านซูชิสายพานในโอซาก้า- [วันที่ 3] ตะลุยเที่ยวเมืองโกเบ การเดินทางไปยังโกเบ กินเนื้อโกเบที่ร้าน Steakland, วัด Ikuta
ดูหมู่บ้านชาวต่างชาติ Kitano-cho (Foreigners Residents), พุดดิ้งโกเบ, ทาร์ตไข่โกเบ,
ของฝากจากโกเบ, กินอุด้งต้นตำรับโอซาก้า Kijyoyu Udon ร้าน Hagakure- [วันที่ 4] เที่ยวเมืองเกียวโต พาไปชมวัดในเกียวโต การนั่งรถบัสในเมืองเกียวโต, วัดทอง Kinkakuji
ถนน Shijo, วัดน้ำใส Kiyomizu-dera ลองกินไอติมชาเขียว Häagen-Dazs, วัด Yasaka ทางเข้าวัด
Kiyomizu, ชุดกิโมโนในเกียวโต, ของฝากเมืองเกียวโต, ขนม Yasuhashi, เกียวโตเทาเวอร์,
ห้าง Kyoto-Yodobashi- [วันที่ 5 ] เที่ยวเมืองนารา, การนั่งรถไฟไปเมืองนารา, ดูกวางเมืองนารา, three-story pagoda,
สวนสาธารณะนารา, วัด Todaiji, โอโคโนมิยากิร้านดังในโอซาก้า Chibo Okonomiyaki,
Tsutenkaku (Tsutenkaku Tower)