[Kansai Trip] ตอนที่ 4 : Nara

0
10434

Framekung.com presents Kansai,Japan Trip

มาถึงวันสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสได้เที่ยวอย่างเต็มที่แล้วครับ ผมยกให้วันสุดท้ายไปเก็บตกในที่ที่ไม่ได้ไป หรือที่ที่อยากไปซ้ำอีกรอบ แต่คิดไปคิดมา ก็อยากให้การเดินทางในครั้งนี้สมบูรณ์แบบ ได้ไปในทุกเมืองแถบคันไซ (Kansai) จึงตัดสินใจปิดท้ายด้วยที่ เมืองนารา หรือ นะระ (Nara) ก่อนเดินทางกลับเกาหลีครับ

Day 5 : Nara

ลักษณะเด่นๆของเมืองนี้ที่ผมทราบ คือ เป็นเมืองที่มีกวางเยอะ และหากไปเมืองนี้ก็ต้องไปชมความงดงามของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ใน วัดโทไดจิ (Todaiji) ให้ได้ พอทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วก็หาข้อมูลการเดินทางต่อไปครับ

ผมค้นหาข้อมูลเส้นทางการเดินทางเล่นๆ ก็พบว่าบริเวณใกล้ๆที่พักของผม มีสถานีรถไฟสาย Yamatoji ซึ่งเป็นสายที่สามารถนั่งไปถึงสถานี นารา (Nara) ได้ครับ พอเช็คค่าเดินทางก็พบว่าไม่ได้แพงมาก ครั้งนี้จึงไม่ได้เริ่มเดินทางจากสถานี Osaka แต่เริ่มจากสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) แทนครับ

ชานชาลาที่ 16 สำหรับการเดินทางไป Nara ครับ (จากสถานี Tennoji)
จากสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) ไปนารา (Nara) ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่ 16

การเดินทางใช้เวลาเพียงแค่ 33 นาที จากสถานีเท็นโนจิ (Tennoji) ไปนารา (Nara) ครับ ค่าเดินทางต่อรอบอยู่ที่ ¥450

ทันทีที่ถึงสถานีนารา (Nara) ก็พบว่าผู้คนไม่ค่อยแออัดมากเหมือนสถานีอื่นๆครับ แน่นอนว่าครั้งนี้ ผมก็เข้าไปขอข้อมูลการเดินทางจาก Tourist information center เหมือนเดิม ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือทันทีที่ออกมา

เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวที่นี่ ถือว่าไม่ค่อยเยอะมาก เทียบกับเมืองอื่นๆ ผมจึงขอให้พนักงานแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้ครับ โดยการเดินทางส่วนใหญ่จะต้องเดินกันเยอะหน่อย พนักงานบอกว่าจะนั่งบัสก็ได้ ซึ่งจะอยู่ที่ ¥200 ต่อรอบ เป็นรถบัสวิ่งรอบๆเมือง แต่เค้าบอกว่า วันนี้อากาศดีกว่าอาทิตย์ที่แล้วมาก อยากให้ลองเดินดู ผมเองก็เชื่อพนักงาน ก่อนที่จะเก็บแผนที่เดินไปตามทางครับ

Three-story pagoda

เดินออกมาจากสถานีนารา (Nara) ข้ามถนนมาอีกฝั่ง ก็จะมีถนนเส้นเล็กๆ ให้เดินเลียบไปจนถึงสวนสาธารณะนารา ทางไปวัด Todai่ji เลยครับ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น มีพระเจดีย์ Three-story หรือ Three-story pagoda นี้อยู่ พี่พนักงานแนะนำให้ผมแวะที่นี่ก่อนครับ

ถนน Sanjodori ซึ่งเป็นเส้นทางไปยังวัด Todaiji ครับ จะสังเกตว่าเป็นถนนเส้นเล็กๆ ในวันที่ผมไปก็รู้สึกจะมีการปรับปรุงถนนกันยกใหญ่เลยทีเดียว
ถนน Sanjodori ซึ่งเป็นเส้นทางไปยังวัดโทไดจิ (Todaiji) ครับ จะสังเกตว่าในเมืองนารา มีถนนเป็นเส้นเล็กๆ ในวันที่ผมไปก็รู้สึกจะมีการปรับปรุงถนนกันยกใหญ่เลยทีเดียว การเดินทางก็อาจจะสังเกตเห็นจักรยานนะครับ ที่นี่เนื่องจากว่าค่าโดยสารค่อนข้างแพง การเดินทางด้วยจักรยานจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ

ถึงแล้วครับกับ Three-story Pagoda ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชมครับ 😀

three-story-pagoda

three-story-pagoda-nara

และที่นี่ก็เป็นสถานที่แรก ที่ทำให้ผมเจอกับฝูงน้องกวาง….

กวางเยอะแยะให้ถ่ายรูปเล่นด้วยไปหมดเลยครับ รู้สึกว่ากวางที่นี่จะเชื่องกว่าอีกที่หน่อย...
กวางเยอะแยะให้ถ่ายรูปเล่นด้วยไปหมดเลยครับ รู้สึกว่ากวางที่นี่เชื่องกว่าที่อื่น
มันแอบเชื่องอยู่ครับ ชินกล้องๆ
ชินกล้องแล้วมั้ง หันกล้องให้ก็มาถ่ายรูปด้วยเนี่ย..

ก่อนที่ผมจะเดินออกมาแล้วเดินต่อไปเรื่อยๆครับ… ตรงไปอีกประมาณ 300 เมตรก็จะเจอสวนสาธารณะนาราที่ร่มรื่น ต้นไม้เขียวๆ ในวันที่อากาศกำลังอุ่นๆ สบายๆครับ

Nara Park : สวนสาธารณะสุดร่มรื่นในนารา

nara-park-deer

เดินตรงไปเรื่อยๆอีก 300 เมตร ตรงนี้ก็จะเริ่มเป็นบริเวณหน้าวัดโทไดจิ (Todaiji) แล้วครับ ฝูงกวางที่นี่ดูโหดกว่าที่ก่อนหน้านี้มาก คือมันแลดูหิวๆยังไงๆชอบกล ใครที่มีขนมสำหรับให้กวาง (ซึ่งสามารถหาซื้อได้แถวนั้นอันละ ¥150) เซ็นเซอร์ตรวจจับขนมของมันจะทำงานเร็วมาก และแถบจะวิ่งตามเลย ใครที่ไม่ให้ขนมมัน มันก็จะเอาหัวชนๆ กัดเสื้อบ้าง ระวังตัวกันไว้ด้วยนะครับ 555

หนายยย… มีหนมป้าวคับเพ่ !!

วัดโทไดจิ (Todaiji)

และแล้วเราก็เดินมาถึงวัด Todaiji ครับ มีค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ ¥500 และเด็ก ¥300 ครับ

todaiji
พอเดินเข้ามาข้างในก็จะพบพระพุทธรูปขนาดใหญ่ครับ

todaiji-temple

todaiji-temple

จากนั้นผมก็ไปตามเส้นทางที่ได้จากศูนย์บริการข้อมูลฯ ที่เค้าแนะนำให้ผมไปชม Nigatsudo Hall ซึ่งจะอยู่ด้านข้างของตัววัดครับ

Nigatsudo-hall

nigatsudo-hall

nigatsudo-hall

เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นมา มองลงมาจากชั้นบนแล้ว ก็จะได้เห็นความสวยงาม ความอบอุ่น ของบ้านเรือนที่อยู่รอบๆวัดแห่งนี้…

จากนั้นผมก็เดินลงไปเพื่อที่จะเดินต่อไปยังวัดอีกวัดที่พนักงานแนะนำให้ผมไป นั่นก็คือ วัด Wakamiya Jinja ครับ ซึ่งอยู่ห่างไปอีกค่อนข้างไกลพอสมควร บวกกับผมแอบไปหลงด้วย ทำให้ผมเดินวนอ้อมวัด Todaiji มาอีกรอบ ก่อนที่ผมจะตั้งหลักใหม่ เดินไปที่วัดนี้  ซึ่งเส้นทางการเดินทางที่ถูกต้องนั้น ท่านจะผ่านหุบเขา Wakakusayama ครับ

วัด Tamukeyama Hachimangu เป็นทางผ่านไปยังหุบเขา Wakakusayama ครับ
วัด Tamukeyama Hachimangu เป็นทางผ่านไปยังหุบเขา Wakakusayama ครับ
หุุบเขา Wakakusayama (342m)
หุุบเขา Wakakusayama …ใหญ่เบอเริ่มม..(342m)
เจอร้านน่าจะเป็นร้านเอาไว้ให้ดื่มชากาแฟ มีมุมเล็กๆ สวยๆ น่ารักดีครับ :D
เจอร้านน่าจะเป็นร้านขายชากาแฟ มีมุมเล็กๆ สวยๆ น่ารักดีครับ 😀

เส้นทางไปวัด Wakamiya Jinja นี้ ก็ยังจะผ่านวัดอีกวัดนึงซึ่งก็คือวัด Kasuha Taisha ครับ และนอกเหนือจากนี้ ยังมีสิ่งที่สวยงาม ผมจะเรียกว่าอะไรดี ? เป็นสถูป เจดีย์ ยาวไปเรื่อยๆเป็นทางๆเลยครับ แล้วก็มีหลายมุมที่ร่มรื่น เหมาะกับการถ่ายรูป และพักผ่อนมากๆ เส้นทางตรงนี้ผมบอกเลยว่าซับซ้อนมากๆ ต้องอาศัยดูทิศจาก Google Maps เป็นระยะๆ ดูป้ายตามเป็นระยะๆครับ

kasuha-taisha-shrine

kasuha-taisha-shrine

และแล้ว ผมก็มาถึงวัด Kasuga Taisha ครับ มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมด้วย ซึ่งผมงานนี้ขอบายครับ เพราะว่าคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วไม่น่าจะเพียงพอ ต้องบอกก่อนครับว่า ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่า วัดนี้คือวัด Wakamiya ที่พนักงานแนะนำให้ผมไปดูครับ หากแต่ว่าขณะที่ผมกำลังค้นหาข้อมูลเพื่อที่จะเขียนบล็อกนี้ก็พบว่า วัดนี้คือวัด Kasuga Taisha ที่กล่าวไปข้างต้น … เอาเป็นว่า ตอนนั้นผมเองก็เหนื่อยพอสมควรครับ เพราะว่าเมืองนี้ให้ผมได้เดินทั้งวันเลย ผมจึงเดินกลับไปที่สถานี เพื่อเตรียมหาของอร่อยๆกินก่อนที่จะกลับที่พักครับ

kasuha-taisha-shrine

ทางเดินกลับก็จะเป็นเส้นทางเดิม เราก็จะผ่านสวนสาธารณะ Nara ซึ่งระยะทางจากหน้าวัดนี้ ไปจนถึงสถานี จากแผนที่เค้าบอกว่าเป็นระยะทาง 2.5 กิโลเมตรด้วยกันล่ะครับ ถ้านับตอนขามา และตอนขณะที่เดินวนๆอยู่รอบวัดนี้ ผมเรียกว่านี้เป็นการเดินทางไกลของผมที่ไม่ได้ทำมาในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้…

ก่อนกลับก็พักแวะทานยากิอุด้งร้านที่อยู่หน้าทางไปวัด Three-story pagoda ที่ไปเจอกับน้องกวางก่อนหน้านี้ครับ

yagi-udon

ค่าเสียหาย ¥630 ครับ เค้าก็จะไปผัดมาให้ก่อนที่จะมาวางให้เราทานหน้าเตา
ค่าเสียหาย ¥630 ครับ เค้าก็จะไปผัดมาให้ก่อนที่จะมาวางให้เราทานหน้าเตา ราคากลางๆ รสชาติไม่คุ้มเท่าไรครับ แนะนำให้กลับมาหาอะไรกินในสถานีเกียวโต หรือจะแวะไป ตลาดนิชิกิ ตอนขากลับน่าจะดีกว่า

เพราะด้วยคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการเดินทางมาที่ญี่ปุ่นนี้แล้วครับ ผมจึงนัดเพื่อนออกมาหาอะไรทานด้วยกัน สถานที่สุดท้ายที่ผมไปกินกับเพื่อน ก็เป็นที่โอซาก้า กับมื้อที่อยากทานอีกมื้อนึง (แต่รอจังหวะหิว) นั่นก็คือ โอโคโนมิยากิ ครับ ตอนแรกเราว่าจะไปกินกันที่ร้านๆนึง ซึ่งเพื่อนบอกว่าอร่อยมาก แต่คนเยอะจริงๆ กับเวลาอันน้อยนิด เราจึงเปลี่ยนไปกินอีกร้านนึง ร้านนี้เป็นเฟรนไชส์ครับ แต่เพื่อนบอกว่าอร่อยไม่แพ้กัน

เรามากันที่ ร้าน CHIBO Okonomiyaki ครับ ซึ่งต้องขึ้นไปกินกันถึงชั้น 5 ครับ (เห็นเค้าบอกว่าที่นี่แต่ละชั้นเชฟจะมีสไตล์การทำให้ทานไม่เหมือนกัน)

บรรยากาศในร้าน Chibo Okomomiyaki ชั้น 5
บรรยากาศในร้าน Chibo Okomomiyaki ชั้น 5

เมนูนั้นก็มีค่อนข้างหลากหลายครับ แต่มาถึงนี้ก็ควรจะทานโอโคโนมิยากิตามชื่อร้าน ซึ่งเมนูแต่ละเมนูก็จะมีไส้ให้เลือกครับ เบสิก นั้นอยู่ที่ ¥650 ครับ คือไม่ใส่อะไรเลย ถ้าใส่ไส้จำพวกหมู ก็จะต้องเพิ่มอีก ¥200 ถ้าเป็นพวกปลาหมึกเพิ่มอีก ¥250 ครับ หน้าที่แนะนำเป็น หน้าหมู ครับ

จากนั้นเชฟก็จะมาทำให้ทานอยู่ข้างหน้าเลย…

พร้อมทานกันหรือยังครับ ? รสชาติต้องบอกว่า อร่อยมากครับ ไส้หมูต้องลองมาทานจริงๆ
พร้อมทานกันหรือยังครับ ? รสชาติต้องบอกว่า อร่อยมากครับ ไส้หมูต้องลองมาทานจริงๆ

ของฝากจากโอซาก้า ?

อิ่มแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวแยกย้ายแล้วครับ เพื่อนผมพาผมไปร้านๆนึง ที่บอกว่าเป็นร้านที่มีของให้เลือกเยอะมาก รวมไปถึงถ้าจะซื้อของฝากด้วย ร้านนี้ก็มีแทบทุกอย่าง ขนม ของเล่น ชุดเอาไว้แต่งคอสเพลย์ก็มีขาย ราคาก็โอเคเลยครับ ร้านนี้มีชื่อว่า ดองกิโฮเต้ (Don Quijote) อยู่ในซอยที่มีป้ายเขียนว่า Soemon-cho ตรงแยกของสะพานกูลิโกะครับ

หน้าตาของร้านเป็นแบบนี้ครับ... มีของให้เลือกเยอะเลย เหมาะสำหรับซื้อของฝากครับ แต่อาจจะต้องต่อคิวยาวกันหน่อย
หน้าตาของร้านเป็นแบบนี้ครับ… มีของให้เลือกเยอะเลย เหมาะสำหรับเป็นที่ซื้อของทิ้งท้าย จะให้ตัวเองหรือฝากก็ดีครับ มีของให้เลือกหลายอย่างและหลายชั้นเลยทีเดียว ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ ทำให้คนมาจับจ่ายซื้อของกันตลอดทั้งวันทั้งคืน สาขาที่โอซาก้านี้เปิด 24 ชั่วโมงด้วยครับ!

ได้ขนมพอติดไม้ติดมือมาฝากเพื่อนๆครับ ประเมินค่าใช้จ่ายก็พบว่าค่อนข้างพอดีกับที่เตรียมมา ถือเป็นทริปที่ใช้เงินได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ ก่อนที่เพื่อนผมจะเดินไปส่งที่โรงแรม และแยกย้ายกันครับ ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณเพื่อนผมที่คอยแนะนำสถานที่ต่างๆให้ แม้เธอจะไม่ได้ไปกับผมในทุกๆที่ แต่เธอก็ให้ความกล้ากับผมที่จะกล้าไปลุยในสถานที่ต่างๆทั่ว Kansai นี้ด้วยตัวเอง ก็ต้องขอบคุณเพื่อนผมแสนดี “ริโกะ” คนนี้ด้วยล่ะครับ

ก่อนที่เธอจะแนะนำให้ไปเก็บภาพที่ระลึก หอคอย Tsutenkaku (Tsutenkaku Tower) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก หอคอยนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกแห่งของโอซาก้าด้วยครับ ก็ถือว่าเป็นภาพปิดท้ายของทริปนี้ละกัน ก่อนที่จะเตรียมเก็บข้าวของ เก็บประสบการณ์ เรื่องราว ความทรงจำดีๆที่ญี่ปุ่นนี้ มาถ่ายทอดให้คุณผู้อ่านทุกท่านล่ะครับ ^_^

สรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ผมเองก็ได้มีการทำรายรับรายจ่ายตลอดการเดินทางครับ และครั้งนี้ก็ถือว่าใช้เงินได้พอดิบพอดีกับที่เตรียมมาเลย ลองมาดูกันครับว่า ทริปโอซาก้า ลุยเดี่ยว เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 5 วัน 6 คืน แบบนี้มีค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง

  • ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ (อินชอน-คันไซ โอซาก้า) : 178,300 วอน ( ประมาณ 5,500 บาท )
    [รีวิวสายการบิน] [เว็บไซต์สายการบิน]
  • ค่าที่พักโรงแรม Diamond Hotel โอซาก้า 5 คืน (คืนละ 800 เยน)    : 4,000 เยน (ประมาณ 1,300 บาท)
    [รีวิวโรงแรม] [จองโรงแรม]
  • ค่าเช่าอินเทอร์เน็ตไร้สายพกพา (Poket WiFi) แบบ 75Mbps 6 วัน + ค่าส่ง : 6,670 เยน
    (ประมาณ 2,100 บาท)
    [เว็บจอง Pocket Wifi]
  • ค่าอาหาร การกิน ของฝาก ค่าเข้าชมอาคารสถานที่ต่างๆ ค่าเดินทาง เบ็ดเสร็จผมแบ่งไว้ 35,000 เยน
    (ประมาณ 11,000 บาท)สรุปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด 19,900 บาท ครับ ^_^

บันทึกการเดินทาง

และแล้วก็มาถึงตอนสุดท้ายของการเดินทางครับ ในฐานะของคนเขียน รู้สึกว่าการเดินทางแบ็คแพ็คลุยเดี่ยวเที่ยวครั้งนี้ของผม ผมได้เจอกับหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่อยากจะเก็บมาเล่า อยากจะให้บล็อกของผมบันทึกเรื่องราวไม่ให้มันผ่านไปเฉยๆจริงๆ ก็ต้องขอบคุณความพยายามของตัวเอง ที่ทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง สิ่งที่ผมได้เห็นที่ญี่ปุ่น มีหลายๆฉากที่ผมไม่เคยเห็นในชีวิตมาก่อน มันเป็นความเซอร์ไพรส์ให้กับตัวเอง กับการได้มาเจอสิ่งที่สวยงาม ญี่ปุ่นนับว่าเป็นประเทศที่มีความน่ารักทั้งผู้คน ทั้งความเป็นญี่ปุ่นเอง และผมเองก็หวังว่าจะมีโอกาสได้มาท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ถือว่าเป็นการวอร์มอัพครับ 😀

ผมหวังว่าบล็อกของผมที่ผ่านมาทั้งสี่ตอนนี้ จะสร้างแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ไกลๆ ที่ที่ใฝ่ฝันอยากจะไป ลองให้โอกาสตัวเองสักครั้ง แล้วเก็บกลับมาเล่าผ่านบล็อกเช่นนี้ก็คงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ วันนึงเรากลับมาอ่านเรื่องราวต่างๆเหล่านี้ แน่นอนว่าก็ต้องอดยิ้มไม่ได้ล่ะครับ แล้วพบกันใหม่กับเรื่องราวที่น่าสนใจในตอนหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ….

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ

ありがとうございます。
อะริกาโตะ โกไซมัส ~

— สารบัญทริปลุยเดี่ยวเที่ยวญี่ปุ่น —