กิน เที่ยว ปั่น ในไต้หวัน : Taruko National Park

0
3314
ตอนไปแอบแห้งๆหน่อยครับ เห็นว่าฝนไม่ตกได้หลายวันแล้ว

สวัสดีครับ พบกันในตอนที่ 2 ของการเดินทางท่องเที่ยวกับผม “เฟรมคุง” เช้าวันนี้เราอยู่ที่ทะเลสาบ Sun Moon Lake ครับ และปลายทางของการเดินทางในวันนี้ เราจะไปชมความงามของ อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ (Taruko National Park) ซึ่งแทบจะอยู่อีกฝั่งของจุดที่เราอยู่เลยครับ

(ซ้าย) จุดขึ้นรถบัสจาก Sun moon lake (ขวา) หน้าตารถบัสไปสถานี Taichung
(ซ้าย) จุดขึ้นรถบัสจาก Sun moon lake (ขวา) หน้าตารถบัสไปสถานี Taichung

ตอนผมวางแผนการเดินทาง ก็แอบคิดในใจเหมือนกันว่ามันจะไม่มีทางลัดเลยเหรอ เพราะจุดที่เราอยู่คือหมายเลข 2 ครับและเรากำลังจะไปหมายเลข 4 เรียกว่าถ้าตัดไปได้ คงใช้เวลาไม่นานเลยทีเดียว สุดท้ายก็ไม่มีจริงๆครับ เขาลูกใหญ่ที่กั้นสองฝั่งของไต้หวัน ทำให้เราต้องนั่งรถไฟกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ไทเป แล้วก็นั่งรถไฟอีกสายไปยังไท่หลู่เก๋อครับ

จริงๆแล้วถนนตัดลัดเกาะก็มีนะ

แต่ก่อนเคยมีทางหลวงตัดเกาะจากจุด 2 ไปจุด 4 (ในแผนที่) ชื่อว่า Central Cross-Island Highway ครับ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในปีค.ศ. 1999 ทำให้ถนนตัดขาด ไม่สามารถใช้การได้ มีแผนฟื้นฟูมากมาย แต่ก็เกิดภัยธรรมชาติซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงทำปัจจุบันเส้นทางนี้ยังไม่สามารถใช้งานได้

sunmoon-lake-to-hualien-route-map

การเดินทางจากทะเลสาบ Sun Moon Lake – Taroko

  1. เดินมาขึ้นรถที่จุดจอดรถบัสครับ ตั๋วรถขากลับเราซื้อมาตั้งแต่ตอนซื้อแพคเกจเที่ยวทะเลสาบไว้แล้วครับ รถมาถึงตามเวลาในตาราง ตอน 08.25 น.
  2. ถึงสถานี HSR Taichung ตอน 9.55 น.

    สถานี Taichung ที่ค่อนข้างใหญ่กว้างขวาง มีร้านสะดวกซื้อให้กินรองท้องก่อนเดินทางไกลๆได้ครับ
    สถานี Taichung ที่ค่อนข้างใหญ่กว้างขวาง มีร้านสะดวกซื้อให้กินรองท้องก่อนเดินทางไกลๆได้ครับ
  3. นั่งรถไฟความเร็วสูงจาก HSR Taichung -> HSR Taipei
  4. นั่งรถไฟธรรมดา จาก TRA Taipei -> TRA Hualien

จากทะเลสาบ Sun moon lake มาอีกฝั่งของเกาะไต้หวัน เมือง Hualien หมดนี้ใช้เวลาเดินทางร่วม 4 ชม. ครับ เรียกว่าเล่นเอาเหนื่อยพอสมควร เลยอยากจะแนะนำสักนิดว่า หากไม่ได้ตั้งใจจะมาเก็บบรรยากาศยามเช้าของทะเลสาบ กลับไปพักที่ไทเปก็ดีครับ ยิ่งหากตารางวันถัดไปแพลนจะไปเมืองอื่นๆด้วย

หน้าตาสถานี Hualien ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และแท็กซี่ที่มาจอดรอพร้อมพานำชมอุทยาน
หน้าตาสถานี Hualien ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และแท็กซี่ที่มาจอดรอพร้อมพานำชมอุทยาน

ทันทีที่ถึง สถานี Hualien ก็เดินทางไปที่พักก่อนเลยครับ เนื่องจากถึงก่อนเวลาเลยยังไม่ได้เช็คอิน แต่ไปฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน โรงแรมชื่อ Mini Voyage อยู่ห่างจากสถานีไม่ไกลมาก (ประมาณ 7 นาที) ตอนจองก็ได้อ่านคอมเมนต์จากคนที่มารีวิวครับว่าเป็นโรงแรมที่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว และให้ข้อมูลนักท่องเที่ยวค่อนข้างดี ก็จริงอย่างที่ว่าล่ะครับ เพราะผมก็ลองไปแอบถามข้อมูลการเดินทางในอุทยานด้วย

ทางเข้าโรงแรม Mini Voyage และบรรยากาศภายใน
ทางเข้าโรงแรม Mini Voyage และบรรยากาศภายในที่ตกแต่งสไตล์ modern แต่แอบมืดไปหน่อย

ต้องบอกก่อนว่าการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ หรือ ทารูโกะ ที่คนมักจะอ่านตามชื่อภาษาอังกฤษ (Taruko) นี้ มีด้วยกันหลากหลายวิธี เนื่องจากอุทยานค่อนข้างใหญ่ และมีจุดที่น่าสนใจหลายจุด ก็จะมีบริษัททัวร์นำเที่ยว ซึ่งเห็นว่าหาซื้อได้ที่สถานี บริการรถสาธารณะ หรือแม้แต่กระทั่งการเหมาแท็กซี่ เช่ามอเตอรไซต์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่น่าสนใจครับ เท่าที่ผมอ่านมาใน Pantip ก็มีพี่กระทู้หนึ่งที่แนะนำการเดินทางด้วยแท็กซี่ เนื่องจากมากัน 2 คน เลยขอเลือกใช้การเดินทางด้วยแท็กซี่ครับ

สังเกตว่าตั้งแต่เดินทางมาถึงที่ Hualien ผมไม่ได้พูดถึงอาหารสักมื้อเลยครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผมเดินออกมาไม่กี่ก้าวจากโรงแรม ก็เจอร้านบะหมี่ที่ดูละม้ายคล้ายบะหมี่เกี๊ยวบ้านเราก็สั่งทานไปรองท้องก่อนล่ะครับ

บรรยากาศในร้านก็ไม่แตกต่างอะไรกับร้านอาหารในบ้านเราเลยครับ และนี่ก็คือบะหมี่เกี่ยวชัดๆ !
บรรยากาศในร้านก็ไม่แตกต่างอะไรกับร้านอาหารในบ้านเราเลยครับ และนี่ก็คือบะหมี่เกี่ยวดีๆนี่เอง !

ทานอิ่มแล้วก็กลับมาที่โรงแรมให้ช่วยเรียกแท็กซี่ให้ โดยค่าบริการอยู่ที่ NT$ 2,000/คัน ครับ ราคานี้เทียบที่ระยะเวลาอันน้อยนิดที่เราจะได้เดินทาง เนื่องจากพวกเราเดินทางถึงช้าครับ (บ่าย 3) โดยเพื่อความปลอดภัยของคนขับและผู้โดยสาร เรากะว่าจะกลับเข้ามาที่โรงแรมอีกที 19.00 น. จ่ายค่ามัดจำที่โรงแรม NT$500 และจ่ายกับคนขับ NT$ 1,500 ครับ

taxi

คนขับแท็กซี่ใจดีครับ ประเดิมลูกค้าสองคนวันนี้ด้วยภาษาอังกฤษ ก่อนเขาจะละเลงภาษาจีนอย่างเดียว เราก็ได้แต่เป็นผู้โดยสารที่ดี ตั้งใจนั่งชมวิว กับความพยายามในการพูดภาษาจีนของผม แนะนำตัวเอง และบอกว่าเป็นคนไทย

ใช้เวลาเดินทางจากที่พักในตัวเมือง Hualien มาตรงจุดอุทยานก็ใช้เวลาราวๆ 30 นาทีครับ

แหลมคิงชุย (Qingshui Cliff)

เป็นจุดแรกที่เราได้มาดูครับ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม อลังการงานสร้างดีครับ

qingxui-cliff

ขับรถมากันต่อ ตรงนี้เป็นเหมือนประตูแรกเข้าสู่อุทยานครับ

สะพานระหว่างทางไปอุทยานครับ สวยมากๆเลย
สะพานระหว่างทางไปอุทยานครับ สวยมากๆเลย

จากนั้นลุงขับแท็กซี่ก็จะพาเข้าไปชมในหลายๆจุดถ่ายรูปสำคัญๆครับ โดยการจอดแวะแล้วให้เราเดินลงไปถ่ายรูปเองบ้าง

ประตูเข้าสู่อุทยาน
ประตูเข้าสู่อุทยาน

จะมีจุดที่เป็นเหมือนเพิงถ้ำ ซึ่งก่อนเข้าไปเขาจะมีจุดให้ยืมหมวกกันน็อคไว้บริการครับ ตรงนี้ลุงขับแท็กซี่คงเอาอะไรไปมัดจำไว้แล้วก็แลกหมวกมาให้พวกเรา ภาพที่ถ่ายได้ต่อจากนี้จึงให้อารมณ์เหมือนกับเข้าไปขุดเหมือง

ในภาพที่ก็ไม่สามารถบอกความอลังการงานสร้าง ยิ่งใหญ่ของอุทยานนี้ได้เลย
สเกลที่ดูจากภาพก็ไม่น่าจะอธิบายความใหญ่ของอุทยานนี้ได้เลย

บรรยากาศตอนนั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ส่วนมากก็จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มากับกรุ๊ปทัวร์ครับ รถจึงติดเอาการเหมือนกัน สภาพอากาศในเดือนกรกฏาคม ที่เดินทางนั้นก็ถือว่าร้อนครับ แต่ไม่อบอ้าวมาก

taruko-national-park-2

ตอนไปแอบแห้งๆหน่อยครับ เห็นว่าฝนไม่ตกได้หลายวันแล้ว
ตอนไปแอบแห้งๆหน่อยครับ เห็นว่าฝนไม่ตกได้หลายวันแล้ว

Eternal Spring Shrine

ขับรถต่อมาเรื่อยๆ อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ส่วนตัวผมยกให้เป็นไฮไลท์ของที่นี่คงเป็น ศาลเจ้า Ethernal Spring กับมุมๆนี้ครับ ล้อมรอบไปด้วยภูเขาลูกมหึมาขนาดต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปกับน้ำตกที่ไหลลงมาเป็นสาย เราจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆกันครับ

เห็นน้ำตกเล็กๆไหลมาจากวัดกันหรือเปล่าครับ?
เห็นน้ำตกเล็กๆไหลมาจากวัดกันหรือเปล่าครับ?
เดินข้ามสะพานมาทางวัด พอมองกลับไปก็จะเห็นสะพานสีแดงสดใสทอดผ่านอย่างที่เห็นนี้ล่ะครับ
เดินข้ามสะพานมาทางวัด พอมองกลับไปก็จะเห็นสะพานสีแดงสดใสทอดผ่านอย่างที่เห็นนี้ล่ะครับ

กินลม ชมวิวไปเรื่อยๆ จนสิ้นสุดการเดินทางท่องเที่ยวในอุทยานครับ ขึ้นแท็กซี่ขากลับนี่ผมเป็นอีกคนละคน ปกติจะชวนแท็กซี่คุยบ้าง ตอนนี้เงียบไปเลยล่ะครับ… เหนื่อย !!

หาด Qixingtan

Quixingtan-beach

ลุงคนขับแท็กซี่ก็พาพวกเรามุ่งหน้ากลับไปที่พักครับ แต่ระหว่างทางกลับ ลุงคนขับพาพวกเราจอดที่หาดๆหนึ่ง หาดนี้มีชื่อว่า Qixingtan ซึ่งตอนทำการบ้านเที่ยวในเมืองนี้ ก็เจอหาดนี้ครับ เขาบอกให้นั่งแท็กซี่มา ก็ไม่คิดว่าจะได้ผ่านมา เป็นหาดหิน ที่ยามเย็น ท้องฟ้าโพล้เพล้ๆ มองออกไปจะเห็นภูเขาและเมฆล้อม นี่เราอยู่บนสวรรค์เหรอนี่ !!

quixingtan-beach-2

Hualien Harbor Scenic Bridge

Hualien-Harbor-Scenic-Bridge

เลาะมาตามเส้นทางชายฝั่งทะเล ลุงแท็กซี่ก็หยุดจอดให้อีกล่ะครับ จุดนี้ดูผ่านๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ขอบอกว่า ตอนเย็นๆ แสงกำลังดีครับ จุดนี้เป็นท่า เต็มไปด้วยเรือที่มาจอดไว้ เดินขึ้นมาตรงบันไดยักษ์แดงนี้ ก็จะเห็นบรรยากาศริมแม่น้ำ สวยไปอีกแบบครับ

รางรถไฟมองจากบนสะพาน แล้วลองมองออกไปไกลกว่านี้จะเห็นภูเขาล้อมอยู่ สวยจริงๆครับ
รางรถไฟมองจากบนสะพาน แล้วลองมองออกไปไกลกว่านี้จะเห็นภูเขาล้อมอยู่ สวยจริงๆครับ

จวนจะค่ำแล้วครับ ระหว่างทางลุงขับแท็กซี่ก็ชวนผมคุยไปเรื่อย ว่าเสร็จจากนี้จะไปไหนกันต่อหรือเปล่า ลุงชวนหาที่กินข้าว แต่ผมก็อยากไปลองเดินหาแหล่งกินด้วยตัวเองล่ะครับ แอบไม่ไว้ใจ กลัวลุงจะล็อคร้านพาเราไปกินแพงหรือเปล่า อาจจะคิดมากไปนะครับ แต่ขอเซฟตัวเองไว้ก่อนด้วยการกลับมาที่พัก ผมมาเช็คอิน นำของไปเก็บ

ประเมินการให้บริการแท็กซี่ ภาพรวมถือว่าโอเคครับ เราได้ไปในที่ที่อยากไป เวลาที่ให้กับแต่ละที่ค่อนข้างอิสระ แต่เราก็ไม่ได้ใช้เวลากับแต่ละที่นานมากนัก ถ้าสนทนาภาษาจีนได้บ้างอาจจะทำให้บรรยากาศขณะนั่งรถดีขึ้นได้บ้าง (ก็แหงล่ะ !) ตอนไปชายหาดเขาก็ซื้อของปิ้งย่างให้เราทานเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ โอเคเลยล่ะครับ ดังนั้นหากมาเที่ยวที่นี่มากกว่า 2 คนขึ้นไป ลองตกลงกันดีๆครับ เพราะการเที่ยวด้วยวิธีอื่นอาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่ารถส่วนตัวหรือแท็กซี่ ทางก็แอบอันตรายด้วย การเดินทางโดยให้คนท้องถิ่นนำไปให้น่าจะดีที่สุดครับ

รีวิวห้องพักที่ Mini Voyage Hostel

ราคาที่พักที่นี่ต่อคืนถือว่าไม่แพงเลยครับ อยู่ที่ NT$1,530/คืน จองผ่าน booking.com เมื่อได้มาเห็นห้อง ลักษณะการดีไซน์ของทั้งอาคารดูโมเดิร์นเอามากๆ เห็นว่ามีมาม่าไว้บริการยามดึกฟรี (แต่ก็ไม่ได้มาใช้บริการ) ห้องพักที่จองไปเป็นแบบ Twin room นอนได้ 2 คนครับ โรงแรมไม่มีลิฟต์ ต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปเอง

ห้องพัก

twin-room-mini-voyage-hualien-taiwan

เป็นเตียงสองชั้น 1 เตียง และเตียงเดี่ยว 1 เตียงครับ มีโต๊ะ อุปกรณ์พื้นฐาน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว ไดรเป่าผม แอร์เย็นโอเค

mini-voyage-hualien-taiwan=2

เราเอากระเป๋ามาวาง พักเหนื่อยก่อนจะขอออกไปสำรวจเมือง Hualien ยามค่ำคืนกันสักหน่อย

สีสันยามค่ำคืนใน Hualien

ผมถามข้อมูลสำหรับมื้อค่ำในวันนี้กับที่เคาน์เตอร์อีกเช่นเคยครับ แนะนำไว้ให้หลายร้าน ผมเดินออกจากโรงแรมขวามือ แล้วตรงไปเรื่อยๆ จะมีถนนเส้นใหญ่ที่ทั้งเส้นจะเป็นร้านค้าและร้านอาหารครับ แต่ขอบอกก่อนครับว่าตรงนี้ไม่ครึกครื้นเท่าไร มีร้านอาหารข้างท้าง กับซุปเปอร์เล็กๆขายของอยู่

ถนนที่เป็นแหล่งร้านอาหาร เขียนว่า Zhongshan Rd. ในแผนที่ครับ (ผมไฮไลท์สีเหลืองๆไว้ให้) หากใครที่พักในตัวเมืองแนะนำโซนนี้ครับ แต่ที่นี่ก็มีตลาดกลางคืนเช่นกัน ที่โรงแรมบอกว่าต้องนั่งแท็กซี่เข้าไปอีกครับ
ถนนที่เป็นแหล่งร้านอาหาร เขียนว่า Zhongshan Rd. ในแผนที่ครับ (ผมไฮไลท์สีเหลืองๆไว้ให้) หากใครที่พักในตัวเมืองแนะนำโซนนี้ครับ แต่ที่นี่ก็มีตลาดกลางคืนเช่นกัน ที่โรงแรมบอกว่าต้องนั่งแท็กซี่เข้าไปอีกครับ

ร้านที่โรงแรมแนะนำเป็นร้านขายซาลาเปาครับ เห็นลูกค้าที่มาต่อแถวรอซื้อกลับบ้านกับบรรยากาศยุ่งๆของร้านน่าจะการันตีความอร่อยได้บ้าง ผมแอบคาดหวังว่าที่ร้านจะเรียกลูกค้าเก่งๆเหมือนญี่ปุ่น และแนะนำเมนูอะไรให้พวกเราบ้าง แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเลย ผมไปนั่งและขอเมนู ที่ร้านก็ไม่มีเมนูภาษาอังกฤษซะด้วย ทำยังไงดีไม่สนใจคนพูดภาษาจีนไม่ได้อย่างผมเลย… ทำไงดี หิวแล้ว!

(ซ้าย) บรรยากาศหน้าร้าน (ขวา) ข้อสอบคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม.ปลาย
(ซ้าย) บรรยากาศหน้าร้าน (ขวา) ข้อสอบคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม.ปลาย

วินาทีนั้นผมไม่สนใจล่ะครับ เรียกร้องความสนใจจากทางร้านด้วยการ สั่งมั่ว!! ผมเขียนไปในรายการ ตามความเข้าใจว่า เมนูอร่อยๆ ออกเยอะๆ เบสิคๆ ก็น่าจะอยู่บนๆ ผมก็เลยเขียนสั่งไปอย่างละนิดอย่างละหน่อย ก่อนที่จะไปยื่นให้กับที่ร้าน

randomly-ordered

และนี่คือการเดาของผมครับ
พอมาฟังเฉลย หลังจากจบทริปทุกอย่างแล้ว
จากเพื่อนที่เรียนอยู่ที่ไต้หวัน
ก็ได้คำตอบว่า….
เมนูแรก คือ เสี่ยวหลงเปา.. 5 นี่คือ NT$ 5 (ราคา) ครับ
50 คือ 1 เข่ง (10 ลูก) นั่นเอง.. (บิงโก ผมสั่งไป 1 เข่ง)
เมนูที่ 2 เกี๊ยวนึ่งเนื้อสด (1 เข่ง – ชิ้น) (NT$30)
เมนูที่ 3 (จำนวนจำกัด) เกี๊ยวนึ่งกุ้ยช่าย (NT$40)

ป้าที่ร้านเขาก็พูดกับผมสองสามคำล่ะครับ ซึ่งผมไม่รู้ แต่ผมเดาว่า “แน่ใจนะว่าจะกินหมดน่ะพ่อหนุ่ม” ผมก็ได้แต่ยิ้ม ป้าแกก็ยิ้มตอบ

สักครู่ก็มากันเป็นเข่งๆเลยครับ คิดในใจ เอาล่ะเว้ย เอาล่ะเว้ย … เขาจะเอามาเสิร์ฟอีกหรือเปล่า แต่ก็พอดีครับ กับการทาน ไซส์กระเพาะของผมที่รองรับได้ และความหิวตลอดทั้งบ่ายสะสมเข้ามา

และนี่ก็คือ ~ เกี๊ยวนึ่งเนื้อสด..!! รสชาติก็โอเคนะ รสชาติอาหารบ้านเราแล้วเขาจะไม่ทำเค็มหรือรสจัดมากเกินไป

xiao-long-bao

ส่วนเสี่ยวหลงเปานี่อิ่มใช้ได้เลยล่ะครับ นึ่งกันใหม่ๆ แล้วทานเลยแบบนี้ หอม อร่อย จริงๆ ถ้ามีแผนกินอย่างอื่นด้วย ก็ไม่ต้องไปสั่งเยอะ

bao

จำได้ว่าเมนูมาแค่ 2 เข่งครับ ตอนแรกเข้าใจว่าเจ้าของร้านคงจัดการให้ ไม่ให้ปริมาณมันเยอะจนกินไม่ไหว แต่พอมาคิดดูอีกที เมนูที่เขียนว่า จำนวนจำกัด อาจจะหมดไปซะก่อน เลยได้กินแค่สองอย่างนี้ครับ … ที่ป้าพูดอะไรกับผมเป็นภาษาจีน อาจจะบอกว่าของหมดก็ได้ ก็โชคดีไปล่ะครับ ไม่งั้นคงได้มีห่อกลับแน่ๆ !

หมดไป NT$80 เท่านั้นเองครับ ก่อนจะแวะหาเข้าซุปเปอร์ ทยอยซื้อของฝาก ของกินไปกินเล่นที่ห้อง

ตอนนี้กระเพาะของผมที่อยู่ในสถานะไม่สามารถยัดอะไรเพิ่มได้อีกแล้ว ก็อืดเต็มที่ครับ กลับมานอนวางแผนที่จะเดินทางต่อไปอีกเมือง

การเดินทางใน เมือง Hualien ของผมอาจจะถือว่าสั้นมากครับ รอบนี้ผมเน้นความหลากหลาย อยากท่องเที่ยวในไต้หวันหลายๆเมือง ความสวยงามของธรรมชาติก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ ที่ผมเองคาดหวังเอาไว้เยอะพอสมควร และเมื่อพอมาได้เห็นของจริงแล้วก็สวยงามตามที่คาดหวังไว้เลยครับ

พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า เรามีแผนปั่นจักรยานกันในวันพรุ่งนี้ แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า
สวัสดีคร้าบ…

ending